ไม่พบผลการค้นหา
หลังกระแสข่าว ‘รัฐประหารซ้อน’ ถูกสยบลงไป ด้วย ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กับ ‘บิ๊กแดง’ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ที่ได้ออกมาโต้ไม่เป็นความจริง

โดยทั้งคู่ได้ออกงานร่วมกันในการตรวจฝึกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการ IDMEX 2019 ที่กองพลรบพิเศษที่ 1 และ ร.ร.สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี แม้จะไม่ได้ชี้แจงถึงกระแสข่าวลืออย่างตรงๆ ระหว่างอยู่ด้วยกัน แต่ได้ย้ำให้เห็นถึงความเป็น ‘เอกภาพ’ ที่เกิดขึ้นระหว่าง ‘กองทัพ-รัฐบาล’ ผ่านการพูดคุยกับสื่อ

“มีอะไร ถามแดงสิ ลือเรื่องไร้สาระทั้งนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“นี่ไง มาเจอ นายกฯแล้วไง จะมีอะไรล่ะ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว

แต่งานนี้เจ้าของพื้นที่คือ ‘บิ๊กนัย' พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จึงเดินเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ตลอด ในการอธิบายฐานการปฏิบัติต่างๆ ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ เดินข้างหลัง พล.อ.ประยุทธ์ แทน จึงไม่ใช่การหลีกเลี่ยงการเดินเคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะกำลังมีกระแสข่าวเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนฝนจะเป็นใจ ได้กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.อภิรัชต์ ตากฝนตรวจแถวกำลังพลด้วย ถือเป็น ‘ฝนวัดใจ’ ไปในตัว


ประยุทธ์ อภิรัชต์ ทหาร กองทัพ 52047729_2268299293234857_7822439015834976256_n.jpg

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พล.อ.อภิรัชต์ ได้ออกมาสยบข่าวลือ ‘รัฐประหารซ้อน’ ว่า ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่เป็นความจริง ผู้สร้างข่าวหวังให้เป็นประเด็นเชื่อมโยง เช่น การนำยุทโธปกรณ์ไปฝึก โซเชียลฯก็เชื่อมโยงไป ส่วนจะเป็นการสร้างความ ‘หวาดระแวง’ ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพขึ้นหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ ระบุว่า เข้าโหมดการเมืองแล้ว ก็เป็นเรื่องการเมือง 24มี.ค.นี้ ก็จะมีเลือกตั้ง ตามไทม์ไลน์เดิม ใครทำอะไร ก็จะมาผูกกับเรื่องการเมือง ซึ่งก็เป็นขาเดิมๆขาเก่าๆ

หากย้อนเหตุการณ์กระแสข่าว เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 10ก.พ. ทาง ทบ. ได้มีการขนย้ายยุทโธปรณ์เพื่อใช้ฝึกหน่วยทหารรักษาพระองค์ร่วมเหล่าทัพ ประจำปี 2562 ช่วง 1 - 21 ก.พ.นี้ โดยได้ขนย้ายยานเกราะออกจากที่ตั้งหน่วย จ.ปราจีนบุรี-ชลบุรี-สระแก้ว ไปยัง จ.ลพบุรี

ทำให้ทาง พล.ร.2 รอ. ออกมาชี้แจงและติดป้าย “เพื่อการฝึก” ไว้ที่ข้างยุทโธปกรณ์แล้ว แต่ก็ไม่ช่วยสยบกระแสข่าวลงไปได้ พร้อมทั้งมีการรายงานข่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ เดินทางไปต่างประเทศพร้อมกันด้วย

ยิ่งทำให้คืนวันที่ 10ก.พ. ข่าวรัฐประหารซ้อนถูกปลุกอย่างหนัก

มาถึงช่วงเช้าตรู่ 11 ก.พ. มีการเผยแพร่ราชกิจจานุเบกษาปลอมขึ้น โดยเป็นการออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ปลด 3 ผบ.เหล่าทัพ พ้นจากตำแหน่ง ได้แก่ พล.อ.อภิรัชต์ ‘บิ๊กลือ’พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และ ‘บิ๊กต่าย’พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศรินทร์ ผบ.ทอ.

ทำให้สำนักนายกรัฐมนตรีและคสช. ต้องออกมาชี้แจงว่าเป็น ‘เอกสารปลอม’ ที่หวังผลทางการเมืองในช่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ขณะที่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ยืนยันว่าไม่มีแน่นอนรัฐประหารซ้อน


ประยุทธ์ อภิรัชต์ สวนสนาม กองทัพ ทหาร 75264608_6466971054026784768_n.jpg

เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ออกมาย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ ผบ.เหล่าทัพ ท่ามกลางกระแสที่ทำให้มี ‘ความหวาดระแวง’ ขึ้นมา พร้อมย้ำว่าอาวุธลับอย่าง มาตรา 44 ใช้ไม่ได้กับทุกตำแหน่ง

เข้าสู่ช่วงเช้าวันที่ 11ก.พ. ข่าวทั้งหมดก็ถูกสยบไปทั้งหมดทันที

โดย พล.อ.ประวิตร ได้นำประชุมคณะกรรมการเตรียมการถวายรักษาความปลอดภัย งานพระราชพิธีฯ ที่กระทรวงกลาโหม แต่ ผบ.เหล่าทัพ ได้ส่งผู้แทนมาร่วมประชุมทั้งหมด ยกเว้น ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยดินดา ผบ.ตร. ที่มาด้วยตนเอง ก็ยิ้มให้กับกระแสข่าวลือต่างๆ

ทั้งนี้ ‘บิ๊กกบ’ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.สูงสุด มีกำหนดการประชุมมอบหมายงานตามวาระปกติ ที่ บก.กองทัพไทย พล.อ.อภิรัชต์ ไม่ได้เข้าประชุม สำนักงานเลขาธิการ คสช. โดยมอบหมายให้ ‘บิ๊กเล็ก’พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ในฐานะ รองเลขาธิการ คสช. นำประชุมแทน ด้าน พล.ร.อ.ลือชัย ผบ.ทร. มีกำหนดการต้อนรับ ผบ.ทร.กัมพูชา ที่ บก.ทร. พระราชวังเดิม และ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ผบ.ทอ. มีภารกิจและกำหนดการ ที่ บก.ทอ. ดอนเมือง

“ไม่ทราบเหตุผลว่ามีการปล่อยข่าวปลอมเพราะอะไร เช่น การปล่อยข่าวว่ามีการปลดผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นความจริง ผมจะต้องแจ้งอยู่แล้วเรื่องการโยกย้ายหรือออกคำสั่งจะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ไม่สามารถใช้ ม.44 แต่งตั้งหรือปลดใครได้ทุกตำแหน่ง เพราะจะใช้ มาตรา 44 เฉพาะคนที่มีปัญหาเท่านั้น ที่แล้วมาผมก็ไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น และขอสื่ออย่าเขียนว่าสถานการณ์ในเหล่าทัพนั้นไม่ได้ เพราะมันดีมาโดยตลอด เป็นพี่น้องกันมาตั้งนานแล้วหลายสิบปี ถือเป็นภาระความผูกพัน ถ้าทุกคนต่างทำความดีก็ต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากไม่ดีและเขาไม่ชอบผม ผมก็ต้องยอมรับ โดยต้องยอมรับซึ่งกันและกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

แต่อีกสิ่งที่ทำให้ต้องฉุกคิดไม่น้อยคือการกล่าวว่า ‘อย่าล้ำเส้น’ ของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่กลับมาอีกครั้ง หลังเคยกล่าวไว้ช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ในการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่กดดันให้มีการประกาศวันเลือกตั้ง 24ก.พ.62 หากการชุมนุมยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการจัดงานพระราชพิธีฯ หรือไม่ 

ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์ ได้ย้ำว่า ‘อย่าล้ำเส้น’ ขึ้นมา พร้อมโต้กลับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเมื่อขีดเส้นคนอื่นแล้ว ก็อย่าลืมขีดเส้นตัวเองด้วย

"เมื่อท่านมาขีดเส้นไว้ว่าคนนั้นต้องทำอย่างนั้น ท่านก็ต้องขีดเส้นตัวเองด้วย ไม่ใช่มาขีดเส้นให้คนโน้น คนนี้เดินอย่างเดียว เอาเส้นขาวหรือเส้นอะไรมาวางให้เขาเดิน ท่านก็ต้องขีดเส้นที่ตัวท่าน อย่ามาล้ำเส้นกัน ฝ่ายการเมืองก็เดินไป ฝ่ายความมั่นคงทำงานไป ก็จะเป็นระบบสอดคล้องกัน” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2562


อภิรัชต์ กองทัพ ทหารบก

ล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ ปฏิเสธตอบกรณีพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เสนอชื่อแคนดิเดตตนายกฯ เพราะมีพระราชโองการออกมาแล้ว ต้องยกไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ขอให้น้อมนำไปปฏิบัติ

ส่วนกรณีที่ กกต. มีมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ ผบ.ทบ. ก็ไม่ขอตอบเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องทางการเมือง หากพูดไปก็โยงเป็นเรื่องการเมืองอีก โดยย้ำกองทัพวางตัวเป็นกลาง กกต.ก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ล้ำเส้นซึ่งกันและกัน หน้าที่ใครทำอะไรก็ทำไป

จึงมีการถามกันว่าทำไม พล.อ.อภิรัชต์ ถึงใช้คำว่า “อย่าล้ำเส้น” หลายครั้ง

ซึ่งก็ได้คำตอบจาก พล.อ.อภิรัชต์ ว่าเป็นคำที่มีความหมายในตัว ในห้วงเวลานี้ พล.อ.อภิรัชต์ ทราบดีว่า ‘กองทัพ’ ตกเป็นเป้าใหญ่ทางการเมือง

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศยินยอมลงใน ‘บัญชีนายกฯ’ พรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.อภิรัชต์ ก็ได้ย้ำความสัมพันธ์ระหว่��งกองทัพ-รัฐบาล ว่า กองทัพเป็นกลาง ยืนข้างประชาชน พร้อมขออย่าล้ำเส้นกัน ให้ยึดกรอบกติกา พร้อมกำชับ ผบ.หน่วย-กำลังพล ในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรง ทบ. ให้ระวังตัวทุกฝีก้าว อย่าให้ตกไปเป็นเหยื่อ


ทษช-นายกรัฐมนตรี-แคนดิเดต

นับจากเหตุการณ์ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดเกิดสภาวะ ‘ชะงักงัน’ ในการเลือกตั้ง แต่ละพรรคเริ่มประเมินสถานการณ์ในอนาคตมากขึ้น

โดยเฉพาะพรรคไทยรักษาชาติ อีกกระแสข่าวที่ฟุ้งคู่ขนานคือ เลือกตั้งจะมีหรือไม่ ?

หรือถ้ามีแล้วจะมีตามกำหนดการ 24 มี.ค.นี้หรือไม่ หรือต้อง ‘เลื่อนออกไป’ เพราะสถานการณ์ตอนนี้แกว่งพอสมควร

อีกทั้งสภาวะการต่อสู้ทางการเมืองไม่ควรกระทบช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ถ้าหากเลื่อนเลือกตั้งออกไป ใครจะเป็น ‘จำเลย’ ในครั้งนี้ด้วย

ที่สำคัญไม่ใช่เพียงพรรคไทยรักษาชาติเท่านั้นที่สะเทือน แต่กระสุนได้กระเด็นไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วย

แต่หากดูจากโพล หลายสำนัก แม้ในเวลานี้พรรคเพื่อไทยยังคงมาลำดับหนึ่ง

แต่อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ส่งลงครบทุกเขตด้วย ดังนั้นหากพรรคไทยรักษาชาติถูกยุบจริง ก็สะเทือนกันเป็นลูกโซ่ในกลุ่มพรรคที่มีแนวทางเดียวกัน คือ ต่อต้านระบอบ คสช.


เพื่อไทย สุดารัตน์ ชัยเกษม วิโรจน์ ภูมิธรรม

ทั้งนี้ถือเป็นอีกโจทย์ยากของพรรคพลังประชารัฐที่จะตั้งรัฐบาลและดัน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็น นายกฯ อีกครั้งในก๊อกแรก ซึ่งแผนสำรองที่มีคือ ‘นายกฯคนนอก’ ผ่านการใช้เสียงจาก ส.ว. ในการเปิดทางให้มีการโหวต ‘นายกฯคนนอก’ ขึ้นมา ทำให้เวลานี้พรรคพลังประชารัฐต้องเดินหาเสียงอย่างหนัก แม้สถานการณ์ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา จะทำให้ ‘กองหนุนเดิม’ ของพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นปึกแผ่นมากขึ้น ทั้งเสื้อเหลืองและกปปส. ด้วยสภาวะการเมืองที่กลับมาเป็นเรื่อง ‘เสื้อสี’ เช่นในอดีตอีกครั้ง

ดังนั้นกระแสข่าวนับจาก 8ก.พ. หากต่อจิ๊กซอว์เหตุการณ์ให้ดี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด

การปล่อยข่าวออกมาย่อมมีทั้งคนได้และคนเสีย สำคัญกว่าคือที่ ‘ลือ’ กันมา ถ้าเกิดขึ้นจริงจะทำอย่างไร ? และถ้าแค่ ‘ลือ’ ต้องมาดูกันว่าใครตกเป็น ‘เหยื่อ’ บ้าง ?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog