น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความริเริ่มดำเนินโครงการบทบาทหน้าที่อำนาจ ของคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ในการป้องกันปัญหายาเสพติด และสภาวะซึมเศร้าในสถานศึกษา
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยที่มีหัวใจคือประชาชน ตนให้ความสำคัญกับประชาชนโดยเฉพาะวัยเรียนที่เป็นอนาคตของสังคมนี้ จึงได้ใช้ประสบการณ์จากการเป็นอาจารย์ผู้สอน ลงพื้นที่พูดคุยและทำความเข้าใจปัญหาอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด พบว่านักศึกษาหลายคนต้องเผชิญกับสภาวะแข่งขันและแรงกดดันตลอดช่วงวัยเรียน จนเกิดภาวะเครียดหรือซึมเศร้าได้ ประกอบกับการอยู่ร่วมกันกับกลุ่มเพื่อน จึงทำให้เสี่ยงต่อการเป็นผู้ขายหรือผู้เสพ ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดได้ง่ายกว่าช่วงวัยอื่น จนอาจกลายเป็นผู้เสพเรื้อรังแพร่หลายได้ในอนาคต
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า สภาพการณ์นี้สอดคล้องกับข้อมูลของกรมสุขภาพจิตระหว่างปี 2563-2567 พบเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี มีความเครียดสูง 24.83% มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า 29.51% และเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงถึง 20.35% สอดคล้องกับผลสำรวจประเด็นสุขภาพจิตของนักศึกษา 9,050 คน ภายใต้โครงการสำรวจพฤติกรรมสุขภาพของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยปี 2565 พบนักศึกษามีความเครียดบ่อยครั้งถึงตลอดเวลา 40% มีความรู้สึกเศร้า 30% เคยทำร้ายตัวเอง 12% เคยคิดฆ่าตัวตาย 4% และถูกวินิจฉัยว่ามีอาการจิตเวช 4.3%
“นอกจากรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร จะมุ่งปราบปรามยาเสพติดแล้ว ดิฉันขอเป็นแรงสนับสนุนอีกทางหนึ่ง คือ การปลูกฝังและโอบอุ้มนิสิตนักศึกษา ให้สามารถเติบโตและเรียนรู้ได้โดยมีสุขภาพจิตที่ดี และห่างไกลจากยาเสพติด ซึ่งจะเป็นเข็มทิศประเทศในรุ่นต่อไป เพราะนักศึกษาในวันนี้ คืออนาคตของชาติในวันหน้า รัฐบาลเพื่อไทยพร้อมปูทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว