ไม่พบผลการค้นหา
‘ชัชชาติ’ แจงปมรวมไทยสร้างชาติ ยิงเลเซอร์หาเสียงเสาสะพานพระราม 8 ชี้ ‘ทิพานัน’ ผู้สมัครพรรคเป็นคนขออนุญาต กทม. ใช้พื้นที่ แต่ไม่ตรงกับเอกสารแนบ ยัน กทม. ไม่ได้เอื้อใคร น้อมรับเป็นเรื่องสื่อสารคลาดเคลื่อน

วันที่ 9 พ.ค. 2566 เวลา 11.30 น. ที่ศาลาว่าการ กทม. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สุพจน์ หล้าจำศิล ผู้อำนวยการสำนักงานปกครองและทะเบียน กรุงเทพมหานคร แถลงชี้แจงกรณี พรรครวมไทยสร้างชาติ หาเสียงด้วยการยิงเลเซอร์ ที่เสาสะพานพระราม 8 ว่า ทาง กทม. ได้รับหนังสือขออนุญาตจาก ทิพานัน ศิริชนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำหนังสือขออนุญาตใช้สถานที่สวนหลวงพระราม 8 และลานริมแม่น้ำศาลาแปดเหลี่ยมและไฟฟ้า บริเวณใต้สะพานพระราม 8 ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 20.00-02.00.น. 

โดยในหนังสือขออนุญาตระบุว่า “ขอใช้พื้นที่รณรงค์หาเสียง และเพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” แต่ไม่ได้ระบุข้อความไว้ว่า จะมีการยิงเลเซอร์แต่อย่างใด ขณะที่ ในเอกสารแนบท้าย มีการระบุบริเวณที่จะขอใช้งาน พร้อมภาพประกอบ 2 ภาพ ภาพบนระบุขนาดพื้นที่ 3*2 เมตร ที่จะขอใช้งาน โดยจะตั้งโต๊ะหน้าขาวแล้วฉายข้อความ ส่วนภาพข้างล่างใช้วิธีทำลูกศรชี้เป็นแนวระนาบริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปลายลูกศรชี้ไปที่ฐานเสาใต้สะพาน ไม่ใช่เสาสะพานในแนวตั้ง ระบุว่า "เพื่อฉายข้อความ 22 รวมไทยสร้างชาติ" 

ด้าน ชัชชาติ ยอมรับว่า หนังสือของผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ยื่นมานั้น มีการสื่อสารและความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างสำนักการโยธาถึงจุดประสงค์ในการขอใช้พื้นที่ ซึ่งทาง กทม.เข้าใจว่าได้ขอพื้นที่ในการจัดการปราศรัยหาเสียงโดยทั่วไป พร้อมยอมรับว่า ทางเจ้าหน้าที่ที่อนุมัติไม่ได้สังเกตว่าจะมีการฉายข้อความ คิดว่าเป็นการดำเนินการที่ทาง กทม.เปิดให้หาเสียงได้ตามปกติ แต่ตัวสะพานอยู่นอกพื้นที่ที่ กทม.จะอนุญาต เพราะอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา

ขณะเดียวกัน ทาง กทม.ได้แนบเอกสารหลักเกณฑ์ในการขอใช้สถานที่สวนสาธารณะสำหรับการปราศรัยกลับไปยังผู้สมัครของพรรคแล้ว ระบุชัดเจนว่า ให้ใช้สถานที่ตามจุดที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

ส่วนว่าการหาเสียงด้วยการยิงเลเซอร์จะผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของ กกต. ซึ่งได้มอบหมายให้ปลัดกรุงเทพมหานครทำรายงานข้อเท็จจริงส่งให้ กกต. กทม. ต่อไป

“เขาเขียนหนังสือมาตามระเบียบ เราก็เจตนาดีเพราะว่าอยู่ในพื้นที่ เราอนุญาตอยู่แล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าจะมีการฉายภาพ เมื่อทำแล้วไม่สอดคล้อง เราก็แจ้งขอให้ยุติไป ยืนยันไม่ได้ลำเอียงเพื่อช่วยใครทั้งนั้น เป็นเรื่องความคลาดเคลื่อนของการสื่อสารมากกว่า” ชัชชาติ ระบุ