วันนี้ (6 สิงหาคม 2568) เวลา 13.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่ประพฤติไม่เหมาะสมหรือกระทำผิดกฎหมาย โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบ คำนึงถึงการวางแนวทางในระยะยาว ภายใต้การเคารพต่อโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์และหลักพระธรรมวินัยควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายบ้านเมือง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและวางแนวทางแก้ไขอย่างรอบด้าน
โดยทำเนียบรัฐบาลได้เปิดบทสัมภาษณ์ระหว่างนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กับ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยมีเนื้อหา ดังนี้ รัฐบาลได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับการบริหารจัดการปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับพระสงฆ์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ยังไม่มีบทบัญญัติกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันเหตุแห่งความผิดของพระสงฆ์มี 4 ประเภทหลัก ได้แก่ การลักทรัพย์ ฆ่าสัตว์ เสพเมถุน และการอวดอุตริ ซึ่งหากผิดวินัยสงฆ์ จะเข้าข่ายอาบัติปาราชิกและต้องสึก แต่ในด้านกฎหมายของรัฐยังไม่มีบทลงโทษในบางกรณี เช่น เสพเมถุน และอวดอุตริ จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มีโทษทางอาญา เช่น การจำคุกหรือปรับ เพื่อให้สอดคล้องกับความวิตกกังวลของสังคมและวิกฤตศรัทธา โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ แบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ได้แก่
1. การแก้ปัญหาต้นเหตุ เช่น การมั่วสีกา ซึ่งอาจมีมูลเหตุจากความประสงค์ต่อทรัพย์ด้วย จึงควรมีการตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดและพระอย่างรัดกุม
2. การออกกฎหมายและข้อกำหนด โดยขณะนี้ได้ประสานให้มหาเถรสมาคมออกกฎระเบียบเพิ่มเติม อาทิ การห้ามวัดถือเงินสดเกิน 100,000 บาท หากเกินต้องนำฝากธนาคาร และต้องรายงานรายรับรายจ่ายต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทุกเดือน โดยสรุปรายงานปีละ 1 ครั้ง
3. การป้องปราม โดยจะประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยในการกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ร่วมสอดส่องดูแลพฤติกรรมของพระสงฆ์ในชุมชน ผ่านเครือข่ายผู้นำหมู่บ้านและประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมเสนอให้แก้ไขบทลงโทษเกี่ยวกับพระปลอมที่เข้ามาแอบอ้างบวชเป็นพระสงฆ์ ซึ่งปัจจุบันบทลงโทษยังเบาอยู่ โดยจะปรับให้มีโทษปรับและโทษจำคุกที่ชัดเจนและเข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การหารือร่วมกับมหาเถรสมาคมซึ่งมีหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์โดยตรง
สำหรับความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่ประพฤติไม่เหมาะสมหรือกระทำผิดกฎหมาย ล่าสุด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา ได้เปิดปฏิบัติการ “กวาดลานวัด” เข้าตรวจค้นเป้าหมายกว่า 200 จุดทั่วประเทศ เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่าง ๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่แฝงตัวบวชเป็นพระ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักมีจำนวน 181 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีระดับเจ้าอาวาสรวมอยู่ด้วย และผู้ต้องหาที่สึกแล้วอีก 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการจับกุม และดำเนินการตรวจค้นจุดเป้าหมายอื่น ๆ ต่อเนื่อง
“รัฐบาลยืนยันเดินหน้าอย่างจริงจังในการปกป้องและส่งเสริมพระพุทธศาสนา แก้วิกฤตศรัทธา เพื่อไม่ให้การกระทำของคนส่วนน้อยมาบั่นทอนความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันเป็นหูเป็นตาในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส เพื่อร่วมกันปกป้องศาสนาของชาติให้บริสุทธิ์และมั่นคงสืบไป” นายจิรายุ กล่าว