ไม่พบผลการค้นหา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในประเทศไทยกำลังซบเซา เหตุเพราะนักลงทุนมองว่า การเมืองไทยไม่มีความแน่นอน หลังรัฐบาลครองเสียงข้างมากในสภาแค่ 4 เสียง

นางสาวกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ ประธานบริหารของ Thailand e-Business Center ซึ่งเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ เปิดเผยว่า บรรดาบริษัทที่เคยคิดจะมาลงทุนในเมืองไทย ตอนนี้กำลังมองหาแหล่งลงทุนอื่นๆ ปัจจัยที่สร้างความวิตกแก่นักลงทุน คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง

นางสาวกุลธิรัตน์ ซึ่งเป็นกรรมการของสมาคมดิจิทัลไทย และสมาคมอีคอมเมิร์ชไทย บอกว่า ในปีที่ผ่านมา เธอพบกับนักลงทุนต่างชาติกว่า 600 คน ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะลงทุนในไทย คนเหล่านี้ลังเลใจ ราวครึ่งหนึ่งมีความกังวลมาก โดยเฉพาะนักลงทุนจีน

รายงานของบลูมเบิร์ก ระบุว่า หลังจากประเทศไทยมีการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม คณะปกครองทหารยังคงครองอำนาจต่อไป โดยมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแค่ 4 เสียง ซึ่งมีแนวโน้มว่ารัฐบาลชุดใหม่จะประสบความยากลำบากในการออกกฎหมายสำคัญๆ

บลูมเบิร์กบอกว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจไทย ซึ่งศักยภาพในการเติบโตได้เสื่อมถอยลงเป็นลำดับในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา การผลิตเพื่อการส่งออกได้สูญเสียตลาดให้แก่บรรดาประเทศที่มีต้นทุนต่ำ เช่น เวียดนาม ผลิตภาพก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งไทยยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุด้วย

รายงานบอกว่า ไทยจำเป็นต้องฟื้นการเจรจาการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ ซึ่งได้ถูกระงับไปในช่วงการปกครองของทหาร โดยสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของไทย ได้ระงับการเจรจาหลังจากทหารยึดอำนาจเมื่อปี 2557 แม้อียูได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทยแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่า ไทยกับอียูจะกลับขึ้นโต๊ะเจรจา

ในเรื่องนี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า ที่ผ่านมา หลายประเทศได้ระงับการเจรจากับไทยด้วยเหตุว่าไทยมีรัฐบาลทหาร เมื่อไทยกลับสู่ประชาธิปไตยแล้ว เราจำเป็นต้องเร่งเจรจาจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี

ตัวเลขของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ระบุว่า มูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ที่ผ่านการอนุมัติของบีโอไอ ในส่วนที่มาจากบริษัทในอียูนั้น ร่วงลงถึงร้อยละ 32 นับแต่ปี 2557 โดยมีมูลค่าเพียง 1,000 ล้านดอลลาร์ฯในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า เมื่อเดือนเมษายน เอฟดีไอโดยรวมกระเตื้องขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หลังจากลดลงในช่วงสองเดือนก่อนหน้านั้น

บลูมเบิร์กบอกว่า ภาวะการลงทุนที่ชะลอตัว บวกกับการค้าที่มีแนวโน้มไม่สดใส จะฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งแบงก์ชาติของไทยบอกว่า ในปีนี้อาจเติบโตไม่ถึงร้อยละ 3.8 อย่างที่เคยคาดการณ์.

ที่มา: Bloomberg