วันที่ 28 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง มาตรการที่จะเข้มข้นขึ้นหลังปีใหม่ ว่า เท่าที่รับฟังความเห็นจากทางการแพทย์ เบื้องต้นมีข้อเสนอ ให้เวิร์คฟอร์มโฮมสัก 1 สัปดาห์ หลังจากกลับจากปีใหม่หรือจำกัดการทำงานแบ่งเป็นช่วงเวลา เพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งความเห็นเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ดี หากทำได้ก็จะเกิดความปลอดภัยมากขึ้น
ด้านธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ ได้กำชับให้แต่ละจังหวัดเข้มงวด เฝ้าระวัง คัดกรองประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน และเมื่อกลับมาทำงาน ให้นายจ้าง สถานประกอบการตรวจคัดกรองบุคลากรที่กลับจากการไปเทศกาลปีใหม่ด้วย ATK และพร้อมให้ทุกคนใส่ใจเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19
"เพราะจะมีการตรวจทั้งการเดินทางตั้งแต่การขึ้นเครื่องบิน ร้านอาหาร และขอให้ไปฉีดวัคซีน COVID-19 เพื่อให้มีระบบการลงทะเบียนบันทึกที่ถูกต้องและนำไปใช้อ้างอิงได้" ธนกรกล่าว
ธนกรกล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีห่วงใยการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการกวดขันวินัยจราจรอย่างจริงจัง เจ้าหน้าที่เน้นบังคับใช้กฎหมายเข้มกับสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ การขับรถเร็วและการเมาสุราขณะขับขี่ และให้มีการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์รอบพื้นที่จัดงาน
"โดยให้เข้มกับการสวมหมวกกันน็อกและการเมาแล้วขับ กรณีตรวจพบผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด นอกจากดำเนินคดีกับผู้ขับขี่แล้ว ให้ขยายผลมาตรการทางกฎหมายไปถึงสถานที่จำหน่ายสุราให้ผู้ขับขี่ด้วย เช่น การพักใช้ใบอนุญาตจำหน่ายสุรา หรือการสนับสนุนให้เกิดการกระทำผิดต่อไป" ธนกรกล่าว
สำหรับยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ 28 ธันวาคม 2564 ผู้ติดเชื้อใหม่ 2,305 ราย จำแนกเป็น หายป่วยวันนี้ 3,070 ราย หายป่วยสะสม 2,132,017 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564) ป่วยสะสม 2,185,849 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564)กำลังรักษา 33,639 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,116 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 40 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ / ที่ต้องขัง 54 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 95 ราย
“นายกรัฐมนตรียังมอบหมายกระทรวงสาธารณสุขเตรียมความพร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและจังหวัด สั่งการทีมปฏิบัติการฉุกเฉิน (EMS) ของ รพ.และเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทุกระดับ ประจำบนเส้นทางถนนสายหลักที่มีจุดตรวจ/จุดบริการเพื่อให้การรักษาพยาบาลได้รวดเร็ว พร้อมขอให้ทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตามกฏจราจร ร่วมกันลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ยึดหลักอนามัยส่วนบุคคลป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (COVID-19) อีกด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว