วารสารเดอะดิโพลแมท เผยแพร่บทความของนักวิเคราะห์ด้านนโยบายต่างประเทศของอินเดีย โดยระบุว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอินเดีย ไทย และเมียนมา จะต้องได้รับการส่งเสริมและเดินหน้าอย่างต่อเนื่องมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยบทความประเมินว่ารัฐบาลอินเดียเองก็กำลังพยายามผลักดันโครงการความร่วมมือต่างๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เช่น โครงการทางหลวงไตรภาคีเชื่อมต่อจากอินเดียไปยังเมียนมาและไทย ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้สามประเทศที่เป็นภาคีและสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างภูมิภาคโดยทั่วหน้ากัน
บทความของเดอะดิโพลแมทประเมินว่าหากเส้นทางไตรภาคีสำเร็จ ประเทศไทยจะเป็นประตูสู่อาเซียนให้แก่อินเดีย เพราะมีความพร้อมด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนใหญ่อันดับต้นๆ ของไทยได้เข้าไปวางรากฐานการลงทุนในอินเดียกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์, อิตัลไทย, ธนาคารกรุงไทย, ไทยซัมมิท, พฤกษาเรียลเอสเตท, เอสซีจี และการบินไทย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและไทยยังมีอุปสรรคสำคัญคือเรื่องการเจรจาเขตการค้าเสรีที่ไม่คืบหน้า แม้จะมีการเจรจากันมาตั้งแต่ปี 2004 เป็นผลจากสถานการณ์ทางการเมืองของแต่ละประเทศ ทำให้การสานต่อนโยบายของแต่ละรัฐบาลขาดความต่อเนื่อง ซึ่งไทยและอินเดียจะต้องผลักดันการวางกรอบข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างกันให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
นอกจากนี้ แม้ว่าอินเดียจะมีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนานกับไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน แต่อินเดียยังต้องแข่งขันอย่างหนักกับการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน โดยเฉพาะไทย ซึ่งพึ่งพิงในด้านต่างๆ กับจีนมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บทความของดิโพลแมทจึงแนะนำว่ารัฐบาลอินเดียต้องส่งเสริมการขยายอำนาจอ่อนหรือซอฟท์เพาเวอร์ไปยังไทย เมียนมา และอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ค่านิยมทางการเมือง และนโยบายต่างประเทศ เพื่อที่จะช่วยถ่วงดุลอำนาจของประเทศจีนภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การลงทุนทางเศรษฐกิจระหว่างอินเดียและอาเซียนเองก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยอาเซียนถือเป็นคู่ค้าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของอินเดียช่วงปี 2016-2017 คิดเป็นมูลค่ากว่า 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท และรัฐบาลอินเดียได้เชิญผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ชาติเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวันชาติในปีหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มกราคม คาดว่าพิธีการดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น และปีหน้าก็จะตรงกับวาระครบรอบ 25 ปีที่มีการสานสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและอาเซียนอีกด้วย