องค์กรด้านอสังหาริมทรัพย์ในไทย คาดว่าราคาคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในปีหน้า จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-7 จากราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ที่ซื้อโดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย ลงทุนร่วมกับบริษัทต่างชาติ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ระบุว่า บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายแห่งในไทย ลงทุนร่วมกับบริษัทต่างชาติ เพื่อซื้อที่ดินในการสร้างอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะที่ดินที่ติดกับรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และย่านธุรกิจ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2018 จำนวนโครงการสร้างคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีนี้ และราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ราคาคอนโดมีเนียมสร้างใหม่สูงขึ้นประมาณร้อยละ 5-7
ด้านนาย พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์ว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 มูลค่าของคอนโดนิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ขายได้ จะมีประมาณ 110,000-130,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ขณะที่คอนโดมีเนียมในปี 2018 จะขายได้มากขึ้น เนื่องจากโครงการด้านคมนาคมจะแล้วเสร็จ โดยเฉพาะคอนโดที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายต่างๆ
คอนโดมิเนียมที่คาดว่าราคาจะสูงขึ้นเป็นคอนโดที่มี 8 ชั้นขึ้นไป (High Rise) ซึ่งมักเป็นโครงการสร้างใหม่ ขณะเดียวกัน คอนโดมิเนียมที่มีไม่ถึง 8 ชั้น( low-rise) จะมีราคาคงที่ สอดคล้องกับราคาวัสดุก่อสร้างที่ไม่เพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยผลการสำรวจราคาที่ดินทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระบุว่า ราคาที่ดินในปีนี้ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยพบว่าที่ดินที่แพงที่สุด คือ ที่ดินบริเวณสยามสแควร์ ราคา 2 ล้านบาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 800 ล้านบาท และคาดว่าสินปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 6.5 เนื่องจากเป็นที่ดินใจกลางเมือง เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภค เป็นแหล่งทำธุรกิจและย่านสำนักงาน แต่กลับไม่พบการพัฒนาใหม่มากนัก
ส่วนที่ดินราคาถูกที่สุด ตั้งอยู่ถนนเลียบคลอง 13 กม.5 ราคาตารางวาละ 2,300 บาทต่อคารางวา หรือไร่ละประมาณ 9 แสน 2 หมื่นบาท เพราะบริเวณดังกล่าวไม่มีโครงการสาธารณูปโภคใดๆ จึงยังไม่มีการพัฒนาอะไรมากนัก แต่ในอนาคต อาจมีถนนวงแหวนรอบนอก และอาจมีโครงการสาธารณูปโภคอื่น แต่ก็คงใช้เวลาอีกนานพอสมควร
ราคาที่ดินที่แพงสุดและถูกสุดนั้น ห่างกันถึง 926 เท่า ทั้งที่ระยะทางห่างกันเพียง 50 กิโลเมตรเท่านั้น สะท้อนถึงความลักลั่นของการพัฒนาเมือง โดย AREA แนะนำว่า หากไม่มีการเก็บภาษีที่ดี จะทำให้ในเมืองได้รับการยกเว้นภาษีมากเป็นพิเศษ ผู้มีรายได้สูง อาจเสียภาษีน้อย
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ในการรวบรวมที่ดินรอบนอก เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่ในอนาคต เพราะราคาที่ดินยังถูก หากสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบรถไฟฟ้าหรือทางด่วน จะสามารถสร้างเมืองบริเวณ เมืองพักอาศัย (Bed City) สนับสนุนการพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานครได้