ใครต้องติดต่อขอรับบริการ หรือต้องยื่นเอกสารกับหน่วยงานราชการจะง่ายขึ้น เพราะตั้งแต่ 5 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ไม่จำเป็นต้องหอบสำเนาเอกสารมารับบริการอีกต่อไป ตามมาตรการใหม่ที่ภาครัฐออกกฎเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระให้กับประชาชน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน ด้วยการไม่เรียกสำเนาเอกส���รที่ทางราชการออกให้กับประชาชน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป พร้อมกำชับห้ามไม่ให้หน่วยงานรัฐเรียกสำเนาเอกสารที่ราชการออกให้กับประชาชนอีกต่อไป
โดยในระยะแรก ( 5 พ.ย. 61 ) หน่วยงานของรัฐที่มีกฎหรือข้อบังคับให้ประชาชนต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารที่ราชการออกให้ เร่งดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องทำบันทึกข้อตกลง และเมื่อประชาชนมาติดต่อขอรับบริการ เจ้าหน้าที่จะเป็นผู้สั่งพิมพ์เอกสารและลงชื่อรับรองว่าเป็นเอกสารที่ออกจากระบบที่เชื่อมโยงไว้จริง โดยประชาชนไม่ต้องนำสำเนามาและไม่ต้องเซ็นต์ชื่อรับรอง ส่วนการให้บริการที่เป็นตัวเงินแก่ประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดหรือการจ่ายเงินและสวัสดิการต่าง ๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ดำเนินการผ่านระบบ National e-Payment
นอกจากนี้ ได้สั่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เปิดรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว และให้รายงานรัฐมนตรีสังกัดของหน่วยงานนั้นทราบ เพื่อนำไปประเมินผลให้หน่วยงานนั้นต่อไป
ส่วนแผนภายในปี 2562 จะมีการพัฒนาระบบหรือแอปพลิเคชันที่สามารถดึงข้อมูลเพื่อกรอกลงในแบบคำร้องดิจิทัลของหน่วยงานได้อัตโนมัติ พร้อมพิจารณาปรับลดรายการเอกสารหรือสำเนาที่ประชาชนต้องใช้ในการขอรับบริการ และภายในปี 2563 จะพัฒนาศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ ให้ครอบคลุมและเชื่อมโยงรายการเอกสารได้มากขึ้น สามารถเรียกดูและบันทึกเอกสารทางราชการระหว่างหน่วยงาน รวมถึงให้บริการทางออนไลน์ได้
หากมีผลบังคับใช้ หน่วยงานต่าง ๆ ต้องจัดทำข้อมูลของตนเองในรูปแบบดิจิทัล และสามารถเปิดเผยข้อมูลของรัฐในรูปแบบดิจิทัล ให้ประชาชนรับทราบ แต่ต้องไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งการดำเนินการจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี คาดว่าจะใช้งบประมาณ 30,000 ล้านบาท