นักวิทยาศาสตร์อังกฤษค้นพบข้อมูลล่าสุดว่า สุนัขสามารถระบุได้ว่าใครมีเชื้อมาลาเรียอยู่ในร่างกายผ่านการดม ซึ่งจะช่วยในการคัดกรองผู้ป่วยได้เร็วขึ้นในอนาคต
เมื่อวานนี้ (29 ต.ค.) ได้มีการนำเสนอผลการทดลองวิจัยที่การประชุมประจำปีของสมาคมเวชศาสตร์เขตร้อนและอนามัยในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในผลงานที่น่าสนใจมาจากองค์กรการกุศล Medical Detection Dogs ในอังกฤษ ซึ่งนำสุนัขมาใช้ช่วยในการตรวจโรค
โดยการทดลองให้สื่อมวลชนดู ได้มีการนำสุนัขมาดมหาเชื้อมาลาเรียจากถุงเท้า 4 คู่ที่สวมใส่โดยเด็กจากประเทศแกมเบีย ซึ่งเมื่อสุนัขได้กลิ่นเชื้อมาลาเรียก็จะนั่งลงตรงหน้าแท่นดังกล่าว แล้วผู้ฝึกก็จะนำขนมมามอบให้เป็นรางวัลที่ตอบถูก
ดอกเตอร์แคลร์ เกสต์ (Dr Claire Guest) ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร Medical Detection Dogs ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า การฝึกสุนัขให้ตรวจจับเชื้อโรคได้นั้น ต้องสอนให้สุนัขรู้กฎก่อนว่าบางกลิ่นคือใช่ แต่บางกลิ่นคือไม่ใช่ และเมื่อรู้กฎพื้นฐานแล้ว ก็จะเริ่มสอนเชื้อโรคที่อยากให้สุนัขตรวจหาด้วยการเล่นเกม ซึ่งถ้าสุนัขตอบถูกก็จะได้รางวัลตอบแทน
จากการทดลองกับถุงเท้าจำนวน 175 คู่ ซึ่งมี 30 คู่ที่เคยสวมใส่โดยเด็กที่มีเชื้อมาลาเรีย สุนัขสามารถตรวจหาเชื้อได้แม่นยำ 70 เปอร์เซ็นต์ภายในห้องแล็บ และสามารถระบุได้ว่าตัวอย่างไหนที่ไม่มีเชื้อมาลาเรียได้ถูกต้อง 90 เปอร์เซ็นต์ โดยทีมวิจัยเชื่อว่าเชื้อมาลาเรียมีกลิ่นที่ดึงดูดยุงให้มาแพร่เชื้อ และคาดว่ากลิ่นนี้อาจเป็นดึงดูดสุนัขด้วยเช่นกัน ซึ่งทีมงานจะนำไปวิจัยขยายผลต่อไป โดยหวังว่าจะสามารถนำสุนัขไปช่วยตรวจจับผู้ที่มีเชื้อมาลาเรียได้ตามด่านตรวจคนเข้าเมือง
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเผยว่า ประเทศที่เคยเสี่ยงติดเชื้อมาลาเรียทั้งหมด 6 ประเทศได้ถูกประกาศว่าปลอดมาลาเรียแล้วนับจากปี 2000 แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อไปไม่ให้เชื้อกลับมาอีก โดยในปี 2016 มีผู้ติดเชื้อมาลาเรียราว 216 ล้านคนทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 445,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทารกและเด็กเล็กในประเทศแอฟริกาเขตตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา