ไม่พบผลการค้นหา
'คุณหญิงสุดารัตน์' ระบุ มาตรการ 'ชิมช้อปใช้' เข้าอีหรอบเดิม เงินเข้ากระเป๋าเจ้าสัว แนะ 'พล.อ.ประยุทธ์' ค้นกูเกิลดูวิธีการแก้ปัญหา แจงเพื่อไทยยังขาดความพร้อมจึงก็ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมนครปฐม

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโครงการ 'ชิมช้อปใช้' ของรัฐบาล ว่า หากเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือหมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจฐานรากได้ก็เป็นเรื่องดี เพราะการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากถือเป็นเรื่องจำเป็น ให้คนฐานรากมีกำลังซื้อถือเป็นเรื่องดี

แต่จากการติดตามข่าว และจากการที่ตนได้ไปลงพื้นที่สัมเพ็ง และเยาวราชพบว่า ร้านค้ารายย่อยไม่มีโอกาสที่จะได้รับผลดีจากมาตรการนี้ เมื่อร้านค้ารายย่อย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจฐานรากไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ก็ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะเท่าที่เห็นเงินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัว ก็กลับไปที่อีหรอบเดิมคือแจกเงินคนจนไปเข้ากระเป๋าคนรวย

ทั้งนี้ ขอย้ำว่า มาตรการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากนั้น เราสนับสนุน แต่มาตรการที่รัฐบาลออกมาไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นประโยชน์ ดังนั้น ขอให้รัฐบาลทบทวน และหามาตรการที่ชาญฉลาดที่เมื่อแจกเงินไปถึงมือคนจนแล้วจะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เกิดกำลังซื้อได้จริง และกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 

"เราติเพื่อก่อ และคิดว่ารัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็น่าจะรู้มากกว่าเราด้วยซ้ำว่ามาตรการนี้ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน รัฐบาลควรปรับปรุงแก้ไข และฝ่ายค้านจะทำหน้าที่เสนอแนะข้อมูล และข้อเท็จจริงที่เราได้ไปสัมผัส เพื่อให้รัฐบาลไปแก้ไข จริงๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์สามารถเสิร์ชกูเกิ้ลดูเอาก็ได้" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการชิมช้อปใช้นี้ รัฐบาลเจตนาดึงการใช้จ่ายของประชาชนให้เพิ่มมากขึ้น โดยรัฐบาลตั้งต้นให้ที่ 1,000 บาท แต่ในความเป็นจริงประชาชนไม่มีเงินที่จะออกไปใช้เงินดังกล่าว

นอกจากนี้ มาตรการที่ออกมาเป็นการใช้จ่ายเงินทางเดียวคือจ่ายแล้วจบ ไม่เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ แทนที่รัฐบาลจะนำเงินไปกระตุ้นภาคการเกษตร ฯลฯ รัฐบาลคิดไม่เป็น และคิดไม่ถูก

เพื่อไทย ยังขาดความพร้อมจึงก็ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมนครปฐม

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อมเขต 5 จังหวัดนครปฐม ว่า ย้ำว่าไม่ใช่การหลีกทางให้กับพรรคใด แต่เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เราไม่ได้ส่งผู้สมัครในเขตนี้ และด้วยระยะเวลาที่สั้น เราไม่สามารถหาผู้สมัครได้ทัน รวมทั้งไม่สามารถทำตัวแทนประจำจังหวัดได้ทันเช่นกัน จึงไม่ได้ส่งผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดนครปฐม ยืนยันว่าไม่ใช่การสมยอม หรือฮั้วกันแต่อย่างใด ในส่วนของจังหวัดสมุทรปราการที่โดนใบเหลือง เข้าใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนตัวผู้สมัครได้ ในขณะที่จังหวัดขอนแก่น กรณีของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น ที่ศาลตัดสินประหารชีวิตนั้น กรณีนี้ยังไม่ชัดเจน ส่วนจังหวัดกำแพงเพชรอยู่ในระหว่างการคัดสรรตัวผู้สมัคร ซึ่งสัปดาห์หน้าคาดว่าจะชัดเจน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :