ไม่พบผลการค้นหา
วงเสวนา 'เพื่อไทย' เห็นตรง 'ประยุทธ์' ควรหยุดไปต่อ หากไม่รู้จักพอส่อเจอหายนะ จี้ปิดสวิตซ์ ส.ว.หยุดแก้กฎหมายเอื้ออยู่ยาว เย้ยตั้งพรรคเฉพาะกิจรวมคนชัตดาวน์กรุงเทพฯ

วันที่ 17 ม.ค. พรรคเพื่อไทยจัดงานเสวนา ในหัวข้อ 'ประเทศไทยต้องไปต่อ แต่ประยุทธ์ต้องพอเถอะ' โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย สุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กรรมการบริหารยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และ ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย

954148.jpg


ถ้า 'ประยุทธ์' ไม่ไป ปัญหาไม่จบ

จาตุรนต์ ย้ำว่า สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นที่สุด คือการเลือกตั้งครั้งต่อไปเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม รวมถึงมีผู้นำที่ทุกคนยอมรับ ก่อนชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคสำคัญคือเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา 250 เสียงที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งยืนยันว่าการปิดสวิตช์ ส.ว. คือสิ่งที่ควรจะทำเพื่อให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

จาตุรนต์ 54158.jpg

โดย จาตุรนต์ ยังมองเจตนารมณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ต้องการอยู่ต่อเพียงแค่ 2 ปีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีความเป็นไปได้ที่ ส.ว.กลุ่มสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โยนหินถามทางมีความพยายามต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปลดล็อก ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไม่สิ้นสุด 

จาตุรนต์ ระบุว่า ปัจจุบันเรามีรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ ประชาชนไม่ยอมรับ หาช่องแก้ไขกติกาให้ตัวเองได้เปรียบ อีกทั้งงูเห่ายังเต็มสภา ใช้อำนาจและเงินในทางที่ผิด ซึ่งปัญหาเหล่านี้ประชาชนสามารถหยุดได้จากการเลือกตั้ง ที่สำคัญต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยชนะ รวมถึงต้องเรียกร้องไปทางสมาชิกวุฒิสภา จงเห็นแก่บ้านเมืองร่วมกันปิดสวิตช์ตัวเอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้พลเอกประยุทธ์อยู่ต่อได้ไม่จำกัดต้องไม่เกิดขึ้น 

“ปัญหาการส่งออกหยุดชะงัด โครงสร้างพื้นฐานมีปัญหา การคอร์รัปชั่นที่มากขึ้น ทุกปัญหาถูกสะสมและเลวร้ายมากขึ้นตลอดช่วง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ เราจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย และประเทศจะเกิดทางตัน” จาตุรนต์ กล่าว

จาตุรนต์ ยังทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนรัฐบาล จะต้องเปลี่ยนผู้นำประเทศ และคำว่า 'ประยุทธ์' นั้น หมายถึงองคาพยพที่ร่วมกันทำรัฐประหาร พรรครวมไทยสร้างชาติรวมแต่บุคคลที่เคยชัตดาวน์กรุงเทพฯ ส่วนคนที่กำลังเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญยืดอายุให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือพวกที่ได้ดีจาก พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้นการต่ออายุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้ประเทศเกิดหายนะยกกำลังสอง ต้องหยุดกระบวนการเหล่านี้


ประณามแก้ รธน. เอื้ออยู่ยาว

ชูศักดิ์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศที่เวทีการเปิดตัวและเป็นสมาชิกกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า ประเทศไทยต้องไปต่อ ตนตีความว่า พล.อ.ประยุทธ์ คิดว่าตัวเองคือประเทศไทย ดังนั้นถ้าจะไปต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นคนพาไปต่อพร้อมกับการที่ตัวเองจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากย้อนไปเมื่อปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศ จากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยการยึดอำนาจปกครองประเทศ แท้จริงแล้วคือ กบฏ เพราะคนที่ยึดอำนาจเมื่อทำสำเร็จก็จะนิรโทษกรรมความผิดให้ตนเอง ว่าการกระทำของตนเองไม่ผิด ลงโทษไม่ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะแก้ไขปัญหานี้ โดยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า 1.การยึดอำนาจการปกครองประเทศ ต้องไม่มีอายุความ 2.ห้ามนิรโทษกรรม และให้ยึดถือเป็นธรรมเนียบการปกครองประเทศ

954155.jpg

 ชูศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้ง องคาพยของตัวเองขึ้นมาเป็น สนช. คำถามคือ สนช.เป็นสภาเดียวออกกฎหมายอิง ม.44 แล้วระบุว่าเอามาปฏิรูปประเทศ คำถามคือ ตอนนี้ปฏิรูปประเทศไปถึงไหน คำตอบคือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่เห็นเรื่องการปฏิรูปประเทศ และเมื่อมี ส.ว. กลับพบว่า มีกฎหมายค้างอยู่ในสภา โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การศึกษา ซึ่งทำท่าจะไปไม่รอด ฉะนั้น การเขียนในท้ายรัฐธรรมนูญว่าจะปฏิรูปการเมือง ความจริงนั้นสวนทางกัน เพราะนับวันยิ่งเลวลง และมีความแปลก เป็น ส.ส.พรรคหนึ่ง แต่ไปโหวตให้อีกพรรคหนึ่งและมานั่งอยู่ในสภา ถึงเวลาก็โหวตให้รัฐบาล เท่ากับว่า ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการล้มเลว ซึ่งไม่เคยเห็น 

“วันดีคืนดีไปจับ ค้นห้องข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในห้องทำงาน และเมื่ออ่านข่าวก็รู้สึกแปลกประหลาดสังเวช นายตำรวจระดับสูงไปยืนเข้าแถว มีพวงมาลัยคนละพวงใส่พานไปให้รัฐมนตรี เพื่อขอบคุณ ถามว่า การเมืองประเทศไทย เป็นเช่นนี้หรือ และหากไปดูอาจขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไปเข้าข่ายแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ แปลว่าที่ผ่านมาปฏิรูปล้มเหลวถอดหลังลงคลอง “ ชูศักดิ์ กล่าว 

ชูศักดิ์ ยังกล่าวถึง การจัดทำรัฐธรรมนูญว่า กว่าจะได้มาต้องจัดทำ 2 รอบ และเพื่อให้สง่างามจึงไปทำประชามติ แต่กลับเลวร้ายที่สุด รณรงค์ไม่ได้ และมีคำถามพ่วงเพิ่มมาด้วย เท่ากับว่า การสร้างรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจให้ตัวเอง แต่สุดท้ายรัฐธรรมนูญที่เขียนมากลับสะดุดขาตัวเอง พร้อมมองว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะฉุดกระชากลากถูกประเทศแบบนี้ และคิดว่าตัวเองสำคัญ ประเทศไทยจะยิ่งดิ่งลง

ชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกแปลกว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ มาประเทศตัว ทั้งที่ไม่รู้ว่า พรรคที่ไปสังกัดจะได้ ส.ส.ถึง 25 ที่นั่งหรือไม่ แต่เมื่อไปย้อนดูจะรู้ว่า เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 พรรคเพื่อไทยมีคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่กลับมาถูกพรรคอันดับสอง รวมเสียงและจัดตั้งรัฐบาล ครั้งนี้ก็คงใช้แผนเดิมไปรวมคนจัดตั้งรัฐบาล และมีเสียง250 ส.ว. เพื่อนำพาประเทศไทยไปต่อ และการเมืองก็เป็นแบบนี้ เชื่อว่าในสภากล้วยน้ำหว้าคงเต็มไปหมด 

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านจึงเสนอแก้ ม.272 เพื่อสกัดไม่ให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ จากนั้นก็ปรากฎข่าวว่าจะมีการเสนอแก ม.158 เรื่องวาระการ ดำรงค์ตำแหน่งนายกฯ รวมถึงเรื่องคุณสมบัติ ของ ส.ส เรื่องการเว้นวรรคหลังพ้นตำแหน่ง ส.ว.2 ปี หากเป็นแบบนี้ตัวเองจะกลายเป็นยุคที่โกลาหล จึงไม่ควรใช้แผนอุบาทที่ทำอยู่

ชูศักดิ์ ยังตั้งคำถามว่า เราจะแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยได้หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ได้ ดูได้จากไม่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล เพราะมีการสร้างรัฐธรรมนูญที่ผิดเพี้ยน เช่น การสร้างพรรคพลังประชารัฐ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการ และเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ โดยไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. แต่วันดีคืนดีคิดเปลี่ยน และไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น ทั้งที่พรรค พปชร.ก็ยังอยู่ สิ่งเหล่านี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี ส.ส.ร. แต่ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่กระบวนการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น


ตอกควรมีสำนึกเสียสละ

ด้าน สุทิน แสดงความเห็นว่า มีหลายเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรหยุด ตั้งแต่เรื่องข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ชี้ว่านายกฯ มีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติ ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ ควรหยุดตั้งแต่เดือน ส.ค. 2565 แต่ในเมื่อไม่หยุดขอไปต่ออีก 2 ปี ควรคิดว่ามีประเทศอื่นใดบ้างที่นายกฯ อยู่ได้แค่ครึ่งเดียว จะบริหารนโยบายอย่างไร เผชิญวิกฤตความเชื่อมั่นอย่างไร

สำหรับประเด็นสำนึกที่ดี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พยายามชูเรื่องการปฏิรูป แต่ตัวเองดำรงตำแหน่งมา 8 ปีแล้ว แต่กลับเปลี่ยนบรรทัดฐานไปเรื่อยๆ เป็นการสร้างมรดกทางความคิดที่เลวร้ายให้คนรุ่นหลัง และเมื่ออ้างว่าเป็นผู้นำที่รักประชาชน ต้องดูด้วยว่าปฏิกิริยาของสังคมอยากไปต่อหรือไม่

"ผมไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้ว่าประชาชนเกลียดตัวเอง ถ้าเป็นสมัยอดีตผู้นำมีสิทธิไม่รู้เพราะลูกน้องทูลเท็จ แต่ทุกวันนี้มีโลกโซเชียลให้รู้ได้ แต่ไม่เคารพประชาชนเท่านั้นเอง เพราะมีบทเรียนมา 8 ปี จะค้านยังไงก็ช่าง ฉันเอาอยู่"

954153.jpg

ขณะที่สำนึกในความรักประเทศ ควรมาวัดเป็นเกณฑ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรอยู่ต่อหรือไป อยู่แล้วจะมีเรื่องดีๆ หรือจะยุ่งเหยิงมีปัญหาเยอะ หากคิดได้ควรต้องหยุด แต่หากจะอยู่ต่อต้องลงทุนทำหลายประการ เช่น วางแผนทำพรรคเฉพาะกิน แบบสุกเอาเผากิน แทงเพื่อนหักพวก จะสร้างความเสียหายให้ประเทศ ไม่ดูบทเรียนจากพรรคพลังประชารัฐที่มาเป็นรัฐบาลเป็ดง่อยอย่างทุกวันนี้

"สมมติเอา ส.ว.หักได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย รัฐบาลจะอยู่ได้ไหม วันนี้ผมเชื่อว่าประธานสภาฯ เป็นซีกเพื่อไทยแน่นอน ถ้าทำให้เราเป็นฝ่ายค้าน ประธานฯ และเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ อยู่ทางเรา คุณจะเป็นรัฐบาลที่ถูลู่ถูกัง อ่อนเปลี้ยมาก จะผ่าน พ.ร.บ.ทีก็ต้องแจกกล้วยในสภาฯ"

สุทิน ยังย้ำว่า 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนยังไม่จนหนักขนาดนี้ แต่กลับมาทุบความหวังเขา ทั้งยังมาแก้ไขกฎหมาย เอามือเขียนแต่ใช้อะไรลบ ตนมองว่าหายนะจะเกิดหากไม่รู้จักพอ ควรเสียสละคนเดียวให้แผ่นดินสงบ ดีกว่าโลภคนเดียวแล้วแผ่นดินลุกเป็นไฟ อายุเท่านี้แล้วควรคิดได้ มองตามหลักธรรมชาติ ดวงอาทิตย์มีขึ้นก็ต้องมีลง 12 ชั่วโมงต้องลง ไม่เช่นนั้นโลกจะไหม้เป็นจุล แม่น้ำลำธารแห้งแล้ง นี่คือหลักธรรมะ การกำหนดวาระ 8 ปี ก็มาจากสัจธรรมแห่งอำนาจเช่นนี้

สุทิน ชี้ว่า แม้รัฐบาลจะยุบสภาฯ หนีการอภิปราย 152 ความจริงจะถูกเผยจนได้ ไม่ในสภาฯ ก็นอกสภาฯ แม้จะหนีการอภิปรายพ้น ก็จะไปรับกรรมช่วงเลือกตั้ง และท้ายสุดประชาชนจะเป็นผู้หยุดตัดสิน ด้วยการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ผ่านมา 4 ปี ทั้งนี้ยังต้องหยุดพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นหุ้นส่วนมาด้วยกัน ให้ออกไปด้วยกัน ใครบ้างนั้น เชื่อว่าประชาชนคิดเองได้