ไม่พบผลการค้นหา
4 พื้นที่ของยูเครนที่ถูกยึดครองโดยรัสเซีย ประกาศเร่งการทำประชามติในช่วงปลายสัปดาห์นี้โดยด่วน เพื่อปูทางไปสู่การผนวกดินแดนของยูเครนที่ถูกยึดไป เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนเอง หลังจากการรุกรานของรัสเซียในดินแดนยูเครนเกิดหยุดชะงักลง ตามมาด้วยความพ่ายแพ้ของรัสเซียต่อยูเครนในหลายสมรภูมิทางตะวันออกเฉียงเหนือ

ในตอนนี้ ทางการรัสเซียได้ออกมาสนับสนุนการทำประชามติในพื้นที่ยูเครนตะวันออกและตอนใต้ ซึ่งถูกยึดไปตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามยูเครนเมื่อ 7 เดือนก่อน ทั้งนี้ การทำประชามติในครั้งนี้จะสอบถามประชาชนในพื้นที่ เพื่อการปูทางไปสู่การผนวกดินแดนดังกล่าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเอง

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2557 รัสเซียเคยใช้วิธีการทำประชามติในไครเมีย เพื่อผนวกดินแดนดังกล่าวที่ตนยึดมาจากยูเครนเข้าเป็นของตนเอง แม้จะถูกประชาคมโลกประณามว่าเป็นการทำประชาติที่ไม่ชอบโดยกฎหมาย และไม่ให้การยอมรับว่าไครเมียเป็นของรัสเซีย ทั้งนี้ รัสเซียกำลังจะใช้วิธีการดังกล่าวกับ 4 พื้นในยูเครน ที่ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของตน

วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย มีกำหนดการที่จะออกมาประกาศต่อประชาชน ในช่วงค่ำวันอังคารที่ผ่านมา (20 ก.ย.) ในการจัดทำประชามติในพื้นที่ของยูเครน แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ทางการของรัสเซียได้ตัดสินใจเลื่อนการออกมาแถลงของปูตินออกไปก่อน โดยไม่ได้ให้เหตุผลของการออกมาประกาศแต่อย่างใด

ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ออกมาระบุว่า “การทำประชามติปลอมๆ จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรได้” อย่างไรก็ดี การผนวก 4 พื้นที่ของยูเครนเข้ามาเป็นของตนเอง จะปูทางให้รัสเซียออกมาอ้างเพิ่มว่า ดินแดนของตนซึ่งผนวกมาจากยูเครน ถูกโจมตีโดยอาวุธขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) หลังจากที่ตนเองรุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. ด้วยข้ออ้างหนึ่งว่า NATO ขยายอิทธิพลของตนเองเข้ามายังยูเครน

มีการคาดเดาว่ารัสเซียอาจประกาศการระดมพลจำนวนมาก เพื่อเพิ่มกองกำลังในการโจมตียูเครน โดยรัฐสภารัสเซียได้อนุมัติการลงโทษที่รุนแรงขึ้น สำหรับการก่ออาชญากรรมทางทหาร เช่น การหนีทหาร การสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินทางทหาร และการขัดคำสั่งระหว่างการระดมกำลังหรือการปฏิบัติการต่อสู้

ดมิทรี เมดเวเดฟ รองหัวหน้าสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย กล่าวเมื่อช่วงวันอังคารว่าการลงคะแนนเสียงในภูมิภาคตะวันออกของโดเนตสก์และลูฮานสก์ หรือที่รู้จักในชื่อดอนบาส จะแก้ไข “ความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์” และผลของมันจะไม่สามารถย้อนกลับได้ “หลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศเรา ซึ่งจะไม่มีผู้นำในอนาคตของรัสเซีย และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดจะสามารถย้อนกลับมาเปลี่ยนการตัดสินใจเหล่านี้ได้” เมดเวเดฟกล่าว

โดเนตสก์และลูฮานสก์จะเริ่มการทำประชามติระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย.นี้ โดยสองพื้นที่ที่ประกาศแยกตัวจากยูเครนได้รับการประกาศรับรองให้เป็นรัฐ ที่อ้างว่าตนเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์โดยรัสเซียเมื่อช่วง 3 วันก่อนการรุกรานยูเครนของตนในทางตอนเหนือ ตะวันออก และตอนใต้ นอกจากนี้ พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียอย่างเคอร์ซอนทางตอนใต้ของยูเครน และพื้นที่ซาปอริซเซียก็ได้ออกมาประกาศว่าตนจะเปิดการทำประชามติ เพื่อปูทางไปสู่การผนวกตนเองเข้ากับรัสเซียด้วยเช่นกัน

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา รัสเซียพยายามส่งเจ้าหน้าที่ของตนเองเข้าไปยังพื้นที่ที่ตนยึดมาจากยูเครน เพื่อปูทางไปสู่การจัดทำประชามติตามแบบแผนของตัวเอง ซึ่งเป็นการเปิดทำประชามติที่ไม่โปร่งใสและไม่มีความเป็นธรรม อีกทั้งการเดินหน้าการทำสงครามในยูเครน และพยายามผนวกพื้นที่ของยูเครนเข้าเป็นของตนเอง แม้ว่าตนจะยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ของยูเครนได้ทั้งหมดภายใต้อำนาจของตนเอง อย่างไรก็ดี ความพยามในครั้งนี้อาจทำให้ยูเครนพบกับความยากลำบากในการโจมตีตอบโต้รัสเซียมากขึ้น

ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของลูฮานสก์ของยูเครน อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียมาหลายเดือนแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) เพิ่งมีรายงานว่า ยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ของตนเองบางส่วนในลูฮานสก์กลับคืนมาจากรัสเซียได้แล้ว หลังจากการโจมตีโต้กลับของตนเองในพื้นที่คาร์คีฟตลอดช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จนยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่กลับมาได้แล้วกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร ทั้งนี้ พื้นที่จำนวนมากของโดเนตสก์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน แม้รัสเซียจะยึดพื้นที่แถบอ่าวทอดยาวไปตลอดแนวทะเลอซอฟได้ก็ตาม

ความพยายามใดๆ ของรัสเซีย ในการผนวกดินแดนของยูเครน ผ่านการทำประชามติที่ตนเองจัดขึ้น จะสร้างความโกรธแค้นให้กับยูเครนมากยิ่งขึ้น และอาจทำลายความหวังใดๆ ในการเจรจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครนในอนาคต โดย โอเลกซีย์ โคปิตโก ที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหมยูเครนเปิดเผยว่า การทำประชามติในครั้งนี้เป็น “สัญญาณของโรคประสาทหวาดผวา” ของรัสเซีย ในขณะที่ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนระบุว่า “ผู้รุกรานกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างชัดเจน”


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-62965998?fbclid=IwAR3F7WSmXyTxb7m0oJFeLm16FiGp8WwkbSnpHZbEYmQoRkyHYoKUE0NDDg4