ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติไปดูดว่าที่ ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จนทำให้แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่พอใจนั้น ว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ ซึ่งตนเข้าใจว่าการเมืองเรื่องการย้ายพรรค ต้องให้เกียรติ ส.ส. เพราะการย้ายพรรคถือเป็นกลไกทางการเมือง ซึ่ง ส.ส.เป็นผู้สมัคร ย่อมรู้ดีว่าหากอยู่ตรงไหนแล้วจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ฉะนั้นตนจึงไม่อยากให้ไปตำหนิติเตียนกลไกในเรื่องเหล่านี้ ตนก็เห็นว่าทุกพรรคก็มีการขยับขยายกัน เป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันมา พร้อมขออย่ามองว่าเป็นการขายตัว เพราะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้ประชาชนเลือกเข้ามา จึงไม่อยากให้ไปวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิปิเตียนกัน
ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นมารยาททางการเมืองนั้น ธนกร ระบุว่า ก็มีมารยาททั้งนั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละพรรคเข้าใจมารยาทแบบไหนมากกว่า ซึ่งตนคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้ต้องยอมรับ จากการลงพื้นที่ กระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีสูงมาก ไม่ใช่เฉพาะภาคใต้หรือภาคกลาง ซึ่งจากการลงพื้นที่หลายภาคทั่วประเทศ การเมืองในวันนี้ จะเป็นในลักษณะ กับของคนที่เอาอีกฝั่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น โดยสุดท้ายประชาชนจะเห็นการเมืองสองฝั่งในการเลือกตั้ง พร้อมกับยังระบุอีกว่าวันนี้มีนักการเมืองหลายคนติดต่อเข้ามาเพื่อสมัครลงเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้วันนี้จะมีการเตรียมผู้สมัครไว้เกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องมีการใช้กลไกของพรรคในการพิจารณา คิดว่าเลือกผู้สมัครที่คิดว่าประชาชนไว้วางใจที่สุด
ส่วนกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในสัปดาห์หน้า ธนกร ระบุว่า เท่าที่ทราบในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าแผนงานโครงการที่ได้อนุมัติงบประมาณลงไปแล้ว รวมถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโรงพยาบาล และด้านการท่องเที่ยว โดยที่ผ่านมา7-8 ปี นายกรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติงบให้พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวนหลายหมื่นล้านบาท โดยหากการลงพื้นที่พบว่ามีการติดขัดก็จะไปเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ขณะที่การส่งผู้สมัครลง ชิงตำแหน่งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ธนกรกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของตนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้พบกับว่าที่ผู้สมัครซึ่งมีการเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว พร้อมกับระบุว่า การเลือกตั้งในปี 2562 คะแนนทุกเขต ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนั้นพรรคพลังประชารัฐ คะแนนทุกเขตมีคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ กว่าร้อยละ 25 นายก็เท่ากับว่า 100,000 คะแนน มีคะแนนของ พล.อ ประยุทธ์ อยู่ 25,000 คะแนน เพราะฉะนั้นคนที่เลือกตั้งในปี 2562 ก็ถือว่า นักการเมืองท้องถิ่นมีคะแนนส่วนตัวอยู่แล้ว จึงได้เป็น ส.ส. แต่วันนี้ การเตรียมผู้สมัครดีกว่าเดิมมาก พรรคมีผู้สมัครที่เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งมีคะแนนสูงสุด และเป็นแกนนำท้องถิ่นที่ได้รับคะแนนสูงมาก เพราะฉะนั้นเมื่อนำมารวมกับกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงเชื่อได้ว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช โอกาสที่จะได้รับเลือกยกจังหวัดก็มีสูง อันนี่ไม่ได้คุยนะ และจากที่ตนได้สัมผัสคนนครศรีธรรมราชรัก พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้นตนจึงเชื่อว่า หลายโครงการที่ประชาชนได้ประโยชน์ จะทำให้คนในพื้นที่เลือกพลเอกประยุทธ์
ขณะที่ความคืบหน้าการเตรียมเวทีปราศรัย เปิดประตูสู่ภาคอีสาน ที่จังหวัดนครราชสีมาของ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ธนกร ระบุว่า การปราศรัยในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว และทุกอย่างก็เป็นไปตามแนวทางที่วางไว้ โดย เสกสกล เผยว่าจะมีประชาชนเข้ารับฟังการปราศรัย 40,000-50,000 คน ซึ่งก็มีความพร้อมอยู่แล้ว พร้อมเผยว่าอยากให้สื่อมวลชนเห็นถึงบรรยากาศการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการไปตรวจราชการหรือใช้เวลาวันหยุดไปหาเสียง เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์สำหรับตนมาก และวันนี้ก็เห็นได้ว่ามีทั้งเด็กและเยาวชนเข้าหานายกรัฐมนตรีมาก ซึ่งบรรยากาศก็ถือว่าดีมาก
ทั้งนี้ ธนกร ยังระบุว่า จากการที่ตนได้พูดใครคุยกับจุมพล จุลใส อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดชุมพร ได้ระบุว่าจากการที่อยู่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน จุดสูงสุดของแต่ละคน ยังสู้พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะนี้ไม่ได้เลย นี่คือสิ่งที่ จุมพล พูดไม่ใช่ตนพูดแต่อย่างใด
ส่วนมีความกังวลหรือไม่ในการรับศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติมาตรา 152 เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ เป็นแคนดิเดตของพรรคพลังประชารัฐแล้วจะไม่มีองครักษ์พิทักษ์แล้ว ธนกร ระบุว่า ก่อนอภิปรายในมาตรา 152 วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใดและพร้อมชี้แจง ซึ่งจากการพูดคุย ไม่ต้องมีการเตรียมตัวเยอะ เพราะเข้าใจว่า มีไม่กี่เรื่องที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย และถือเป็นเรื่องที่ได้ยินดีที่จะใช้กลไกของสภาฯ พร้อมที่พร้อมย้ำว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพร้อมจะชี้แจง ไม่มีความกังวลแต่อย่าง
ส่วนกระแสการล็อบบี้ล่มการประชุมสภา ธนกร มองว่าไม่มีความจำเป็น เนื่องจากเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว และคาดว่าจะมีการยุบสภาในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเข้าใจเจตนารมณ์ของฝ่ายค้านที่จะทำทุกวิถีทางที่จะดิสเครดิตของรัฐบาล แต่ถ้ามองอีกมุมก็จะเป็นเวทีที่รัฐบาลจะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นสองรองใคร ในการอภิปราย และเชื่อมั่นในข้อมูลว่าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอด และปฏิบัติตามกฎหมาย