ไม่พบผลการค้นหา
'คุณหญิงสุดารัตน์' ลงพื้นที่ภูเก็ต รับสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย บอกระเบียบการหาเสียงของ กกต. จะไม่ใช่ปัญหาของพรรคเพื่อไทย เพราะโดนมาเยอะแล้ว

ที่จังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี อดีตส.ส. ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคใต้ และสมาชิกพรรคพท. ร่วมพิธีทำบุญเปิดอาคารสำนักงานสาขาพรรคพท.ลำดับที่ 4 (ภาคใต้) ซึ่งถือเป็นสาขาพรรรลำดับสุดท้ายที่พรรคพท.ดำเนินการจัดตั้งหลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดสาขาพรรคที่ภาคกลางที่จังหวัดสมุทรปราการ ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคอีสานที่จังหวัดอุดรธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คุณหญิงสุดารัตน์ได้เดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินทางมาเลือกประธาน และคณะกรรมการสาขาพรรค พท. บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีสมาชิกพรรค และประชาชน จำนวนมากมาร่วมกิจกรรม

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคัดเลือกคณะกรรมการสาขาฯ ถึงกรณีที่ กตต. กำหนดให้ติดแผ่นป้ายหาเสียงขนาด A3 และต้องติดในจุดที่ กกต.กำหนดไว้ให้เท่านั้น ว่า คงไม่ใช่ปัญหาของพรรค พท. เราโดนมาเยอะแล้ว คงมีอะไรที่แปลกๆ ต่อไป แต่อยากถามว่า การที่ กกต. ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งเพื่อให้คืนสู่ประชาธิปไตย

การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด และอำนวยการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม และส่งเสริมประชาธิปไตย กับการที่พยามจะไม่ให้เกิดข้อมูลข่าวสารถึงประชาชนอย่างแพร่หลาย เช่น การกำหนดจำนวน หรือขนาดป้ายที่อาจจะไม่สามารถสื่อสารได้เท่าไหร่ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ออนไลน์ รวมไปถึงการที่บัตรเลือกตั้งไม่ต้องมีชื่อ หรือโลโก้พรรคเป็นการพัฒนาหรือส่งเสริมให้มีการรับรู้ด้านประชาธิปไตย

หรือการเลือกตั้งให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหน แล้วมีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนี้ ควรจะเปิดเผย และสนับสนุนพรรคการเมืองให้เปิดเผยตัวผู้สมัครได้อย่างเต็มที่ และควรสนับสนุนให้ทุกพรรคการเมืองได้พูดนโยบายอย่างเต็มที่เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสตัดสินอนาคตของเขา ว่าเขาอยากฝากอนาคต และความหวังไว้กับใคร แต่กลับเป็นการเลือกตั้งที่พยายามให้ข้อมูลไปถึงประชาชนน้อย พยายามให้เป็นการเลือกตั้งที่เป็นความลับ ผู้สมัครจะไปลงพรรคไหนก็อย่างไปรู้มาก เป็นใครก็ป้ายเล็กๆ หน่อย ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตยกับแนวคิดแบบนี้ ก็อยากให้กกต.เป็นตัวของตัวเอง ผู้ที่มีอำนาจแล้วอยากกลับคืนสู่อำนาจเขาอาจจะทำงานหาแค่ 1 ใน 3 ของพรรคการเมืองที่ต้องหา เพราะเขามี ส.ว. 250 คนอยู่แล้ว ก็ได้เปรียบมากอยู่แล้ว ช่วยตอบหน่อยว่าแบบนี้มีประโยชน์อะไรต่อประชาชน และประชาธิปไตย ถามมาหลายวันแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่ห้ามใช้ภาพของอดีตนายกฯ และบุคคลภายนอกในการหาเสียง คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญนี้ดีไซต์มาเพื่อเขา เมื่อไม่ได้ดีไซต์มาเพื่อเราก็ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เราก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำงาน แม้กติกาจะยากเย็น และเอารัดเอาเปรียบ เราก็สู้ แต่ทั้งนี้ กกต.ต้องตอบว่าระเบียบที่ออกมานี้เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง และประชาชนที่จะออกไปใช้สิทธิอย่างไร กกต.ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของผู้มีอำนาจที่อยากกลับคืนสู่อำนาจ กกต.ต้องอธิบาย"

เมื่อถามว่า จะฝากไปยังรัฐบาล หรือหัวหน้าคสช.ให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิยุติธรรมหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า คงไม่ฝากแบบนั้น เพราะวันนี้หัวหน้า คสช. ไม่ใช่คณะกรรมการกลาง ถ้าจะฝากคงบอกว่า อย่ามายุ่ง โปรดอย่าใช้อำนาจทำให้องค์กรอิสระต้องบิดเบี้ยว และต้องไม่ใช้อำนาจและอิทธิพลเข้าไปแทรกแซงหน่วยงานราชการในพื้นที่ เพื่อให้คุณแก่พรรคการเมืองที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ

นอกจากนี้ ควรเป็นรัฐบาลรักษาการ เพราะวันนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น รัฐบาล และหัวหน้ารัฐบาลที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรียังมีอำนาจเต็ม และใช้งบประมาณในโครงการที่เป็นชื่อเดียวกับพรรคการเมือง ประชาชนก็ต้องพิจารณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนตัวกลัวเกรงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้อำนาจรัฐ และอำนาจเงินมากที่สุด กกต.ต้องช่วยทำให้ศักดิ์สิทธิ์

เมื่อถามว่า การวางตัวผู้สมัครของพรรคเรียบร้อยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่ายังมีบางเขตที่มีผู้สมัครมากกว่า 1 คน ซึ่งเราก็รอผลการทำโพลอยู่ เหลือประมาณ 5-6 เขตก็จะเสร็จ ส่วนภาคใต้เรากำลังดูอยู่ โดยเราจะส่งในจังหวัดที่เรามีความพร้อม รวมทั้งจังหวัดภูเก็ตด้วย โดยเราเปิดสาขาพรรคที่นี่ เพราะ พท. ถือว่าภูเก็ตเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ

สิ่งที่เราต้องเร่งเป็นอันดับแรกคือการฟื้นฟูและหยุดวิกฤติเศรษฐกิจทุกระดับชั้น และจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้ให้กับประเทศจากการท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยวจำนวนกว่า 10 ล้านคนต่อปี เป็นเมื่องที่มีความสำคัญระดับโลก มีธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่งดงาม รวมถึงคนในพื้นที่มีศักยภาพ แต่ภูเก็ตตั้งแต่ช่วงเหลือล่มนั้นมีปัญหามากทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปเกือบร้อยละ 50 ทั้งที่ช่วงนี้เป็นหน้าไฮน์ซีซั่น ซึ่งเราเชื่อว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวภูเก็ตได้

โดยการแก้ปัญหาการท่องเที่ยวมีอยู่ 3 ประเด็น 1.ความไม่มั่นใจจากเหตุการณ์เรือล่ม ซึ่งเรามีประสบการณ์เรื่องของการกู้ภัยและการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเพราะเราเคยบริหารและจัดการกับเหตุการณ์สึนามิมาแล้ว เราทำระบบกู้ภัยที่นานาชาติให้ความมั่นใจ พร้อมเร่งฟื้นฟูเรื่องของความปลอดภัย และการเตือนภัยทำให้ฤดูกาลท่องเที่ยวถัดไปหรือภายในไม่ถึงปีการท่องเที่ยวฟื้นขึ้นมาได้

2.เราจะสานต่อนโยบายที่เราเคยทำคือการยกเลิกวีซ่าระหว่างไทยกับจีน และ 3.ปัญหาของภูเก็ตคือเรื่องของการจราจรดังนั้นเราจะเดินหน้า เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตของชาวภูเก็ตอย่างมาก นอกจากนี้ยังจะมีระบบรางจากสะพานสารสินมาสู่เมืองต้องมี 

“วันนี้เราตั้งใจ เราไม่ได้ตั้งใจเพียงแค่ส่งผู้สมัครอย่างเดียว แต่เราต้องการที่จะมาทำงาน มารับใช้คนภูเก็ตและพี่น้องชาวใต้ ขอให้ท่านลองใช้พรรคพท.ดู เพราะชาวใต้ยังไม่เคยใช้พรรคพท.เลย ใช้แล้วท่านจะติดใจเหมือนภาคอีสานและภาคเหนือที่ใช้พรรคพท. ลองดูสักครั้งนะคะ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว