ไม่พบผลการค้นหา
แคนาดาตุนวัคซีนโควิดมากพอจะฉีดให้ประชาชนทุกคนถึง 4 รอบ สวนทางชาติยากจนหลายสิบประเทศอาจไม่ได้รับวัคซีนในปีหน้า

กลุ่มพันธมิตรวัคซีนเพื่อประชาชน (People Vaccine Alliance - PVA) เผยรายงานเตือนว่า ประชาชนในกลุ่มประเทศยากจน มีแนวโน้มที่จะเข้าไม่ถึงวัคซีนต้านไวรัสโควิดภายในปีหน้า เนื่องจากกลุ่มประเทศร่ำรวยหลายชาติไดกักตุนวัคซีนดังกล่าวในปริมาณมากเกินความจำเป็น 

พีวีเอ ซึ่งเป็นการรวมตัวขององค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่าง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล, โกลบอล จัสติส นาว และอ็อกซ์แฟม ระบุว่า กลุ่มประเทศร่ำรวยได้ซื้อวัคซีนโควิดในจำนวนที่เพียงพอสำหรับการฉีดให้ประชากรของตนเองเกือบ 3 เท่าภายในสิ้นปี 2564

สอดคล้องกับรายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า แคนาดา เป็นประเทศที่กักตุนวัคซีนป้องกันโควิดในปริมาณมากที่สุด โดยแคนาดามีประชากรราว 37 ล้านคน แต่มีวัคซีนครอบคลุมถึง 410% ของประชากรทั้งประเทศ นั่นหมายความว่า แคนาดามีวัคซีนมากพอที่จะฉีดให้กับประชากรทุกคนได้ถึง 4 รอบ ประเทศรองลงมาที่เข้าถึงวัคซีนมากที่สุดคือ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ออสเตรีย และเบลเยี่ยม เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศรายได้น้อยเกือบ 70 ประเทศ ที่ยังขาดการเข้าถึงวัคซีน อาทิ เคนยา เมียนมา ไนจีเรีย ปากีสถาน และยูเครน โดยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโควิดได้เฉลี่ย 1 ใน 10 คนภายในปีหน้าเท่านั้น

ส่วนในเอเชีย เกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่จะได้รับวัคซีนที่ครอบคลุมเพียงพอถึง 88% ของประชากร 50 ล้านคน ขณะที่ฟิลิปปินส์สามารถสั่งซื้อได้เพียง 2.6 ล้านโดสสำหรับการส่งมอบในปีหน้า ครอบคลุมประชากรเพียง 1.3 ล้านคนจากประชากรทั้งหมดกว่า 106 ล้านคน

กลุ่มประเทศร่ำรวย ซึ่งมีประชากรคิดเป็น 14% ของประชากรทั่วโลก ล้วนจับจองวัคซีนได้แล้วถึง 53% ของสต็อกวัคซีนที่กำลังผลิตทั้งในสิ้นปีนี้และในปีหน้า อาทิ สหภาพยุโรป สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และอิสราเอล ล้วนมีจำนวนวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการของจำนวนประชากรในแต่ละประเทศ ขณะที่กลุ่มประเทศแถบตะวันออกกลาง และโดยส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกายังขาดแคลนการเข้าถึงวัคซีนดังกล่าว

พีวีเอยังเผยว่า ขณะนี้ วัคซีนจำนวน 96% ของบริษัทไฟเซอร์ และอีกเกือบ 100% ของวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทโมเดอร์นา ถูกกลุ่มประเทศร่ำรวยจับจองเป็นที่เรียบร้อยในจำนวนหลายพันล้านโดส ขณะที่วัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกา ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งมีราคาต่อโดสถูกที่สุด ได้ให้คำมั่นว่าจะจัดหาวัคซีนจำนวน 64% ให้แก่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

ด้านองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Doctors Without Borders) ได้เรียกร้องให้บริษัทผู้วิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด ไม่ว่าจะเป็น ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา ขยายฐานการผลิตวัคซีนโควิด รวมถึงควรแบ่งปันทรัพยสินทางปัญญา หรือข้อความองค์ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนให้ได้อย่างกว้างขวางที่สุด เพื่อให้แต่ละชาติเข้าถึงวัคซีนในราคาจับต้องได้

"หากประชาชนทุกคนไม่สามารถรับวัคซีนโควิด-19 ในราคายุติธรรม และรัฐบาลไม่อาจเจรจาเพื่อจัดซื้อได้ ก็ไม่ควรมีบริษัทยาใดได้รับอนุญาตให้ทำกำไรจากการแพร่ระบาดครั้งนี้"

ทั้งนี้ แม้สหประชาชาติจะมีโครงการที่ชื่อว่า โคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งมีเป้าหมายเร่งการพัฒนาและจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศยากจน โดยขณะนี้มีชาติสมาชิกกว่า 184 ประเทศที่เข้าร่วมในโครงการ แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า กลุ่มประเทศยากจนหลายชาติจะเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้ภายใต้ปี 2564 

อย่างไรก็ดี มีรายงานเช่นกันว่า แคนาดากำลังเจรจากับรัฐบาลบางประเทศเกี่ยวกับแผนการบริจาควัคซีนบางส่วนให้แก่กลุ่มประเทศยากจน เนื่องจากมีวัคซีนเพียงพอต่อการใช้งานในประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ที่มา : DW , Bloomberg , CTV , Reuters