ไม่พบผลการค้นหา
‘สุดารัตน์’ บุกหนองบัวลำภู โชว์ขับรถไถในฟาร์มไร่อ้อย แนะเกษตรกรเลิกใช้สารพิษฆ่าวัชพืช หันมาใช้เครื่องมือทดแทน ผ่านกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน ให้เงินกู้ซื้อเครื่องจักรก่อน พร้อมสัญญาหากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจะดันราคาอ้อยไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตัน ตะลึงคนป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นกว่า 7 แสนรายต้องเปลี่ยนมาผลิตอาหารคลีนส่งออกตลาดโลก

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา แกนนำพรรคเพื่อไทย นายวิชัย สามิตร นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จ.หนองบัวลำภู นายสยาม หัตถสงเคราะห์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายไชยา พรหมา ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส. เขต 3 ลงพื้นที่บ้านป่าแดงงาม อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เยี่ยมชมฟาร์มน้องต้น เกษตรกรตัวอย่างที่ใช้เทคโนโลยีทดแทนสารเคมีในการทำสวนอ้อย ซึ่งเป็นชาวบ้านใน อ.นากลาง ส่วนใหญ่ปลูกอ้อยและใช้สารเคมีเป็นส่วนมาก 

คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะ ได้ทดลองขึ้นรถไถซึ่งเป็นรถพรวนดินในไร่อ้อย ซึ่งฟาร์มดังกล่าวไม่ใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืช จึงขอให้เกษตรกรเลิกใช้สารเคมี และหันมาใช้เครื่องมือทดแทนเพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับผลกระทบจากสารเคมี

สุดารัตน์ 003.jpg

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวกับชาวบ้านป่าแดงงามว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มาเพื่อพบและสอบถามปัญหาของชาวบ้านที่ปลูกอ้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้มาในพื้นที่นี้แล้ว แต่ไม่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกันมาก วันนี้ได้มาเห็นพื้นที่ปลูกอ้อยและเห็นวิธีการใช้เทคโนโลยีมาทดแทนการใช้สารเคมี โดยเฉพาะสารพาราควอต จึงอยากจะให้ชาวบ้านที่ทำไร่อ้อยได้นำเอาวิธีการทำไร่อ้อยมาแทนการซื้อยาฆ่าหญ้า เพราะผลกระทบของสารเคมีทำให้ชาวบ้านเป็นทุกข์ ขณะเดียวกันก็ไม่คุ้มค่า เพราะขายแล้วขาดทุน แต่ทุกข์ใหญ่ที่ชาวบ้านพบเจอคือต้องเสียสุขภาพจากการใช้ยาฆ่าหญ้า หลายคนติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องตัดขาทิ้ง 

“วันนี้พรรคเพื่อไทยมีแนวคิดและนโยบายส่งเสริมให้ชาวสวนไม่ใช้ยาพิษ แต่จะให้เกษตรกรรวมกลุ่มจัดเครื่องมือพรวนดิน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนให้เงินกู้เพื่อไปซื้อเครื่องมือทดแทนการใช้สารเคมีพาราควอต”  คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งจะทำให้ราคาอ้อยมีราคาไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตัน เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องมาเสี่ยงตายจากสารเคมี และยืนยันจะไม่ให้ราคาอ้อยต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตัน 

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมผู้สมัคร ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ร่วมแลกเปลี่ยน รับฟังปัญหาและให้กำลังใจเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้สารเคมีจากการทำเกษตรกรรมในไร่อ้อย ที่บ้านนาวัง ต.นาแก อ.นาวัง โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจากสารเคมี จำนวน 63 รายที่มาจาก อ.นากลาง อ.นาวัง อ.สุวรรณคูหา ซึ่งบางรายได้รับสารเคมีจนติดเชื้อในกระแส จนต้องตัดขาทิ้งเพราะเนื้อเน่า ขณะเดียวกันยังมีพระภิกษุบางรูปต้องติดเชื้อจากการเดินบิณฑบาตรด้วย อีกทั้งผู้ป่วยบางรายไม่ได้ทำไร่อ้อย แต่ต้องได้รับผลกระทบจากการหาอาหารในแหล่งน้ำ เพราะสารเคมีได้ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ

สุดารัตน์ 001.jpg

คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีว่า พรรคจะมีกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดิน มีเงินให้พี่น้องตอบแทนเพื่อจะค่อยๆ ลดการปลูกอาหารที่ต้องใช้สารพิษ โดยจะมีนโยบายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัย ถ้าเป็นรัฐบาลจะให้พี่น้องเกษตรกรหายจน และกำหนดราคาสินค้าเกษตรได้ พร้อมย้ำว่าจะทำให้เป็น 'หนองบัวลำภูโมเดล'

โดยเบื้องต้นจะดันราคาอ้อยให้ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตัน พร้อมขอให้ชาวเกษตรกรรวมกลุ่มการเกษตรกัน ถ้าพรรคเป็นรัฐบาลจะให้เงินเพื่อซื้ออุปกรณ์เป็นของกลางเป็นเครื่องมือทดแทนโดยเลิกใช้สารเคมีพาราควอตที่ใช้กำจัดวัชพืชในไร่อ้อย โดยรัฐบาลจะออกเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ให้แล้วให้เกษตรกรมาผ่อนคืนในภายหลัง อีกทั้งพรรคเพื่อไทยจะมีนโยบายพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปีด้วย

ขณะเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ ยังระบุว่า สมัยตัวเองเป็น รมว.สาธารณสุขในปี 2545 มีผู้ป่วยมะเร็งประมาณ 54,000 คน โดยในปี 2560 มีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 700,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ดังนั้นวันนี้ต้องแก้อย่างเร่งด่วน โดยใช้หนองบัวฯ โมเดลต้องพลิกหน้าดินผ่านกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดินเพื่อไม่ให้เกษตรกรใช้สารเคมี โดยจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางผลิตพืชผลการเกษตรเพื่อทำอาหารสุขภาพเพื่อป้อนคนทั้งโลก ตลาดอาหารสุขภาพใน 4 ปีข้างหน้าต้องอยู่ที่ประเทศไทย โดยจะหารายได้ 1.4 ล้านล้านบาทเข้าประเทศ

“นโยบายของการปรับเปลี่ยนให้สินค้าเกษตรเป็นอาหารสุขภาพ และลดผู้ป่วยมะเร็ง ยกระดับสินค้าเกษตรให้ผลิตน้อยแต่มีรายได้สูง” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ