วันที่ 5 ก.พ. ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณี "กางเกงช้าง" ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน Soft Power ของประเทศไทย ที่มีการผลิตและจัดจำหน่ายโดย เอกชนรายใหญ่ของประเทศจีน ในราคาที่ถูกกว่าของคนไทยซึ่งมีข้อทวงติงเรื่องลิขสิทธิ์ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทราบภายหลังจากที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน และตนในฐานะ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้ออกไปดำเนินการและตรวจสอบ ไปบุกดูตลาดว่ามีมากน้อยแค่ไหน และได้ประสานงานไปยังกรมศุลกากร ซึ่งตอนนี้ชัดเจนว่า กางเกงลายช้าง หรือ กางเกงลายแมว และมีการจดลิขสิทธิ์เป็นทรัพย์สินทางปัญญาอยู่แล้ว แต่ว่ารูปแบบลักษณะที่มีการผลิตจากจีน อาจจะมีการผิดเพี้ยนและรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องไปดูก่อนว่ากฎหมายนั้นจะครอบคลุมได้แค่ไหน 

เพราะฉะนั้นจึงได้พูดคุยกับกรมศุลกากร ที่มีอำนาจในการที่จะสามารถยับยั้ง สินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ได้สั่งให้ทุกด่านตรวจศุลกากร ให้ควบคุมสินค้าตัวนี้ สวนทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ประสานงานเรื่องของการควบคุมคุณภาพสินค้า ซึ่งอาจจะให้มีการออกสัญลักษณ์ หรือโลโก้ประทับ เพื่อให้บ่งบอกว่าสินค้าตัวนี้เป็นสินค้าของประเทศไทย เพื่อจะได้ช่วยเหลือสินค้าของคนไทย อย่างไรก็ตามสินค้าที่เข้ามา ถ้าหากเปรียบเทียบของที่คนไทยผลิตเอง มีคุณภาพที่ห่างกันลิบลับ และสินค้าของไทยมีคุณภาพที่ดีกว่า ส่วนสินค้าที่มาในราคาที่ถูกมาก อาจจะมีคุณภาพที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่นใส่ไปแล้วสักพักก็อาจจะเป้าขาดได้ 

"และหากจะระงับยับย้ำสินค้า เราจะระงับยับยั้งสินค้าที่มาจากนอกประเทศ แต่เราต้องคำนึงถึง สินค้าตราช้างสินค้าตราช้าง หรือตราแมวที่เป็นของคนไทย ดังนั้นหากจะออกกฎเกณฑ์อะไรต้องคำนึงถึงทั้งสองด้าน" ภูมิธรรม กล่าว 

ยันเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต

ภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่าวันนี้จะมีการประชุมเกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนเองได้ยินข่าวเมื่อเช้านี้ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีประชุม จริงๆ ไม่น่าจะมีประชุม เพราะว่าฟังจากที่นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อวาน ก็ได้พูดชัดเจนว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องหาข้อสรุปโดยเร็ว และจะต้องไปดูในส่วนของรายละเอียด แต่ยังไม่เห็นรายละเอียดในส่วนของความเห็นของ ป.ป.ช. ขณะนี้อยู่ที่ว่าจะดำเนินการอย่างไร เมื่อวานนี้ตนเอง และนายกรัฐมนตรีเพิ่งกลับมาจากประเทศศรีลังกา คิดว่านายกรัฐมนตรีคงต้องหารือกับ จุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่เป็นเจ้าของเรื่อง และจะมีการประชุมกันอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีหมาย

ส่วนต้องรอความเห็น ป.ป.ช. หรือไม่ ภูมิธรรม ระบุว่า เท่าที่ได้รับข่าว เห็นหนังสือหนึ่งฉบับจากสื่อ แต่ยังไม่มีมาอีก เราก็ต้องดำเนินงานตามที่เราว่าไป แต่หากเป็นไปตามหนังสือที่ออกมากับสื่อมวลชนนั้นที่ยังไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ หากเป็นไปตามนั้น ก็ถือว่าเป็นข้อพึงสังวร เพราะว่าไม่ใช่เรื่องที่เรากระทำผิดไป และยื่นหนังสือให้เราหยุดการกระทำ ย้ำว่า เป็นข้อพึงสังวร ไม่ใช่ข้อพึงปฏิบัติ

ส่วนจะต้องถามความชัดเจนจาก ป.ป.ช. หรือไม่ ว่าหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นจริง ภูมิธรรม ระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณโดยตรง ถ้าถามทุกหน่วยงานคงมีปัญหา เราก็ดำเนินการไป ในระหว่างที่เราคิดว่าพร้อมที่สุดที่จะทำ หากมีหนังสือมาเราก็จะยืนหยัด เหมือนที่กฤษฎีกาตอบกลับมา เราก็ดำเนินการเป็นไปตามนั้น ถ้ายังไม่มีมา ก็ถือว่าเรายังไม่ได้รับหนังสือ และจะประชุมกันในสัปดาห์นี้เลยหรือไม่ ก็ต้องให้เร็วที่สุด เราไม่ได้รอช้า อย่างที่เสนอความเห็นไปแล้ว เรื่องนี้เป็นนโยบายที่เราแถลงต่อสภา และหาเสียงไว้ โดยความชอบธรรม เป็นภาระที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาที่ต้องเร่งดำเนินการ เมื่อเราจะดำเนินการแล้วแต่มีข้อเสนอแนะ หรือข้อคิดเห็นที่เสนอมา ก็ต้องรวบรวมความเห็น ส่วนอันอื่นถ้าเป็นประโยชน์ ก็คงจะแก้ไข และต้องรอว่าจะปฏิบัติได้เมื่อไหร่ อย่างไร

ชี้เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง 'ประเทศยังมีวิกฤติ'

ภูมิธรรม กล่าวถึง กรณีกระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรือเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือน ม.ค.67 ลดลง 1.11% และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงวิกฤติ และยังไม่เคยขึ้นมาจากจุดที่เคยเป็น ซึ่งถือได้ว่า ประเทศยังมีวิกฤติอยู่หลายเรื่อง 

ทั้งนี้ ภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวล คือ วิกฤติทางการเงิน ซึ่งเคยเกิดวิฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ส่งผลกระทบต่อการเงินทั้งระบบ และเท่าที่ดูนักการเงินก็เป็นห่วงเรื่องนี้ และสิ่งสำคัญ ดูได้จากหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ 

“ผมถึงได้บอกว่า ตรงนี้สำคัญ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ววิกฤติล้มครืนแบบต้มยำกุ้งจะเกิดผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อประเทศ เพราะฉะนั้น ผมอยากให้ทุกคนที่ต่อต้านการกระทำใดๆ ของรัฐบาลให้คำนึงถึงจุดนี้ด้วย” ภูมิธรรม กล่าว

ภูมิธรรม ย้ำว่า นักเศรษฐศาสตร์หรือนักการเงิน ระบุว่า ถ้าไม่ทำอะไรตอนนี้โอกาสจะเกิดต้มยำกุ้งจะตามมา เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องกลับไปดูว่า เป็นจริงหรือไม่ หรือเชื่อหรือไม่ และถ้าหากยังคัดค้านอยู่ก็ไม่ว่าอะไรกัน แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่คัดค้านไว้ ก็อยากให้รับผิดชอบด้วย