19 ม.ค. 2565 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ แถลงข่าวประกาศปักหลักชุมนุมหน้าองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. เป็นต้นไป หลังชุมนุมครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ต่อสู้เรียกร้องจนได้บันทึกข้อตกลงการแก้ไขปัญหารายกระทรวง แต่ก็ยังไม่อาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหารายกรณีและเชิงนโยบายได้ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่รัฐบาลเปิดให้มีการเจรจาทางช่องทางออนไลน์
“สถานการณ์การละเมิดสิทธิยังคงปรากฏอยู่ทั่วทุกหัวระแหง พวกเรายังคงเผชิญความลำบากยากแค้น ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในขณะที่รัฐบาลและข้าราชการยังคงใช้ลมปากหลอกลวงหล่อเลี้ยงเราให้อยู่ได้ด้วยความหวังไปวันๆ สถานการณ์ทางนโยบายยังคงเดินหน้ากดทับ ลดทอนสิทธิอันพึงมีของพวกเราอย่างต่อเนื่อง กฎหมายหลายฉบับกำลังเรียงแถวออกมามีผลบังคับใช้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของพวกเราว่าเราไม่ต้องการ ในขณะที่กฎหมายและนโยบายที่พวกเราลงแรงผลักดัน กลับไม่ได้รับการเหลียวแล” แถลงการณ์ระบุ
จำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟ ได้แถลง 12 ข้อเรียกร้องเชิงนโยบายทั้งหมด อาทิ การเดินหน้าโฉนดชุมชน การผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกานิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวกับปัญหาป่าไม้และที่ดิน การทบทวนพระราชบัญญัติป่าชุมชน พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 การแก้ปัญหาที่ดินการรถไฟ การผลักดันแนวทางธนาคารที่ดินตามเจตนารมณ์การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ผลักดันกฎหมายคุ้มครองสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ กรณีกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเขตเศรษฐกิจแม่สอด และกรณีปัญหาการละเมิดสิทธิชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย จ.เพชรบุรี เป็นต้น โดยทุกประเด็นต้องนำขึ้นสู่การเจรจาและเข้าสู่คณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบเท่านั้น
“เรายืนยันว่าในการชุมนุมปักหลักในครั้งนี้ ทุกกรณีจะต้องนำเข้า ครม. เพื่อให้เห็นชอบเท่านั้น และยืนยันว่า การบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 จนถึงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 การแก้ไขปัญหาของพี่น้องไม่ได้รับการแก้ปัญหา แม้แต่เรื่องปากท้อง เรื่องค่าครองชีพ ซึ่งทำให้ข้าวยากหมากแพง เราก็ ยืนยันอีกครั้งว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการชุมนุมเพื่อเจรจากับพลเอกประบุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลที่เป็นเผด็จการ เป็นการชุมนุมและเจรจากับรัฐบาลนี้ครั้งสุดท้าย โดยเปิดให้มีการเจรจาโดยเปิดเผย เราพร้อมที่จะขับเคลื่อนให้สังคมได้รับความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม” จำนงค์กล่าว
ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟยังยืนยันว่า การกลับมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่การร้องขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่รัฐและกลุ่มชนชั้นนำได้สร้างขึ้นมาเพื่อกดทับคนจน แต่คือการที่พวกตนในนามประชาชนอันเป็นผู้ทรงสิทธิ์บนผืนแผ่นดินนี้จะกลับมาทวงคืนสิทธิอันพึงมีที่ถูกพรากไป จักประกาศให้สังคมตระหนักว่า สิทธิในที่ดิน ที่อยู่อาศัย และการจัดการทรัพยากรธรรมชาตินั้นคือรากฐานตั้งต้นแห่งความเป็นคนในสังคมประชาธิปไตย และพีมูฟจักเป็นองค์กรนำเปิดศักราชการเคลื่อนไหวในปี 2565 นี้อย่างไม่ยอมจำนน จนกว่าคนจะเท่ากัน จนกว่าประชาชนจะมีอำนาจกำหนดชีวิตตนเอง