ในระหว่างการเจรจาของหวังกับกับลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวยกย่อง “ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์” ระหว่างจีนกับรัสเซีย และความมุ่งมั่นร่วมมือกัน ที่ทั้งสองประเทศมีต่อการสถาปนา “พหุขั้วอำนาจโลก” และ “ระเบียบโลกที่ยุติธรรมมากขึ้น”
“จีนและรัสเซียในฐานะมหาอำนาจชั้นนำระดับโลก และสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีความรับผิดชอบพิเศษในการรักษาเสถียรภาพเชิงกลยุทธ์ระดับโลก และการพัฒนาระดับโลก” หวังกล่าว
การเดินทางเยือนกรุงมอสโกของหวังในครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่หวังได้พูดคุยกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในมอลตา เพื่อพยายามพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งถดถอยลงในช่วงไม่กี่ปีมานี้จากประเด็นต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นด้านการค้าไปจนถึงภัยคุกคามทางทหารของจีนต่อไต้หวัน นอกจากนี้ การเจรจาระหว่างหวังและซัลลิแวน ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อวางรากฐาน สำหรับการพบกันระหว่างไบเดนและ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในช่วงปลายปีนี้
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ว่า หวังซึ่งจะอยู่ในรัสเซียจนถึงวันพฤหัสบดีนี้ (21 ก.ย.) วางแผนที่จะปรึกษาหารือในประเด็นด้านความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์กับเจ้าหน้าที่ในรัสเซีย ในขณะเดียวกัน หวังเน้นย้ำว่าความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับจีนซึ่ง “ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ใคร และไม่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอื่นใด”
ในอีกด้านหนึ่ง ลาฟรอฟเน้นย้ำถึง “ความสำคัญของความร่วมมือรัสเซียกับจีน ในการทำให้มั่นใจว่าจะมีความยุติธรรมในกิจการของโลก เพื่อรับประกันความสมดุลของผลประโยชน์ ในกระบวนการที่กำลังพัฒนาไปในทิศทางต่างๆ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียและจีนจะประสานความพยายามของทั้งสองชาติ ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และการประชุมระหว่างประเทศอื่นๆ ในช่วงสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ สี และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย มอบคำสัญญาว่าทั้งสองชาติจะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี ในขณะที่ทางการจีนกำลังเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาติตะวันตก จากการที่จีนไม่ประณามการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบของรัสเซีย ในเดือน ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จีนไม่ประกาศเข้าข้างฝ่ายใดในความขัดแย้งสงครามยูเครน พร้อมย้ำว่าแม้ดินแดนของประเทศต่างๆ จะต้องได้รับการเคารพ แต่ชาติตะวันตกต้องพิจารณาข้อกังวลด้านความปลอดภัยของรัสเซีย เกี่ยวกับการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) นอกจากนี้ จีนยังกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ทำให้การสู้รบในยูเครนยืดเยื้อ ด้วยการจัดหาอาวุธให้ยูเครน โดยเป็นอาวุธที่สหรัฐฯ ระบุว่า ยูเครนจำเป็นต้องใช้ต่อสู้กับรัสเซีย
จีนและสหรัฐฯ พยายามลดความตึงเครียด โดยทั้งสองกล่าวถึงการเจรจาระหว่างหวังและซัลลิแวน ซึ่งดำเนินไปนานถึง 12 ชั่วโมงว่า “ตรงไปตรงมา มีสาระสำคัญ และสร้างสรรค์” ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ปัญหาความมั่นคงระดับโลกและระดับภูมิภาค สงครามยูเครน และช่องแคบไต้หวัน เป็นหนึ่งในหัวข้อของการหารือ พร้อมระบุเสริมว่าสหรัฐฯ มีความกระตือรือร้น ที่จะรักษาช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างเพื่อจัดการความสัมพันธ์กับจีนให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ประเด็นที่คล้ายกันนี้ ยังได้รับการหารือกันเมื่อวันจันทร์ (18 ก.ย.) ระหว่าง แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ หานเจิ้ง รองประธานาธิบดีจีน อีกด้วย
“โลกคาดหวังให้เราจัดการความสัมพันธ์ของเราอย่างมีความรับผิดชอบ” บลิงเคนกล่าวโดยสรุปในช่วงเริ่มต้นการประชุมกับหาน “สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะทำเช่นนั้น “จากมุมมองของสหรัฐอเมริกา การทูตแบบพบหน้ากันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการจัดการกับพื้นที่ที่เราไม่เห็นด้วย และยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการสำรวจค้นหาด้านความร่วมมือระหว่างเราด้วย”
การเดินทางเยือนกรุงมอสโกของหวัง ยังเกิดขึ้น 1 วัน หลังจากที่ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้เดินทางออกจากรัสเซีย หลังจากการเดินทางเยือนเป็นเวลา 6 วัน ซึ่งรวมถึงการที่คิมได้เข้าเจรจากับปูติน ณ สถานีอวกาศในพื้นที่ตะวันออกไกล การเยี่ยมชมโรงงานเครื่องบิน และการตรวจสอบเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ ที่มีความสามารถทางนิวเคลียร์ รวมถึงเรือรบขั้นสูง
การเดินทางเยือนรัสเซียของคิม ยังได้กระตุ้นให้ชาติตะวันตกเกิดความกังวล เกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรทางอาวุธของเกาหลีเหนือต่อรัสเซีย ที่อาจเพิ่มยุทโธปกรณ์ในคลังแสงของรัสเซีย ขณะกำลังทำการสู้รบในยูเครนได้
ที่มา: