จากการแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.) ของเพโลซี ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ ระบุว่า การเดินทางเยือนภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกโดยคณะของตนในครั้งนี้ เป็นไป “เพื่อการยืนยันความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งและไม่สั่นคลอนของอเมริกา ต่อพันธมิตรและเพื่อนของเราในภูมิภาค”
คณะเดินทางของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ เดินทางมาถึงสิงคโปร์เมื่อคืนวานนี้ (31 ก.ค.) หลังจากการเดินทางออกจากมลรัฐฮาวาย โดยนอกจากสิงคโปร์แล้ว เพโลซีจะเดินทางต่อไปยังมาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ทั้งนี้ เพโลซีย้ำว่า ตนจะเข้าหารือใน “การประชุมระดับสูง” ในประเทศต่างๆ เพื่อหารือในการยกระดับ “ผลประโยชน์และคุณค่าร่วมกัน” รวมถึงประเด็นสันติภาพและความปลอดภัย อย่างไรก็ดี ตลอดการแถลงของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ เธอไม่ได้กล่าวถึงไต้หวันแต่อย่างใด
เพโลซีที่ขณะนี้เพิ่งเดินมาถึงสิงคโปร์ จะมีกำหนดการพำนักและเข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศแห่งนี้เป็นเวลา 2 วัน โดยหอการค้าสหรัฐฯ ในสิงคโปร์จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเพโลซีในช่วงบ่ายวันนี้ (1 ส.ค.)
ก่อนหน้านี้ เพโลซีมีกำหนดการเดินทางเยือนไต้หวันเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่แผนดังกล่าวจะถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากเธอติดโควิด-19 หลังจากนั้น รายงานข่าวล่าสุดมีการลือว่า ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนไต้หวันในช่วงเดือน ส.ค. สร้างความไม่พอใจให้แก่ทางการจีน ที่อ้างอำนาจอธิปไตยของตนเหนือไต้หวัน ซึ่งมีอำนาจในปกครองตนเองมาโดยตลอด ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในช่วงเวลาของการเดินทางเยือนเอเชียของเพโลซีในตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบไต้หวันตกอยู่ในภาวะอันตรายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ก่อนหน้านั้น จากการถือสายโทรศัพท์คุยกันระหว่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กว่า 2 ชั่วโมง สีได้ย้ำเตือนต่อไบเดนถึงประเด็น “บูรณภาพแห่งดินแดน” ของจีน พร้อมกล่าวต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า “บรรดาผู้ที่เล่นกับไฟจะต้องพินาศด้วยไฟนั้น” ทั้งนี้ ไบเดนย้ำว่าสหรัฐฯ ยึดถือนโยบายจีนเดียว นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ พยายามห้ามเตือนไม่ให้เพโลซีเดินทางเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการด้วย
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่สหรัฐฯ หันไปรับรองรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2522 แทนรัฐบาลก๊กมินตั๋ง แต่สหรัฐฯ เองยังคงรักษาความสัมพันธ์ในฐานะการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน พร้อมกันกับการส่งมอบอาวุธให้กับไต้หวัน เพื่อใช่ในการป้องกันตนเองจากการรุกราน โดยเฉพาะภัยคุกคามจากจีน ตามข้อตกลงที่สหรัฐฯ เคยมีต่อไต้หวันไว้
อย่างไรก็ดี รัฐบาลไต้หวันไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ ต่อข่าวลือว่าประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนรัฐของตน เพื่อรักษาความปลอดภัยจากสถานะเดิมที่ไต้หวันยังคงดำรงอยู่ พร้อมกันกับการสร้างความสัมพันธ์กับทางสหรัฐฯ ที่มีเพิ่มมากขึ้นในรอบไม่กี่ปีมานี้
ประชาชนชาวไต้หวันอาศัยอยู่บนเกาะทางตะวันออกของจีน ด้วยความหวาดระแวงจากภัยคุกคามของรัฐบาลคอมมิวนิสต์บนแผ่นดินใหญ่มานานหลายทศวรรษ ความกังวลดังกล่าวเริ่มผันผวนมายิ่งขึ้น เมื่อรัสเซียเดินหน้าการรุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา สร้างความตระหนกว่า จีนอาจทำการรุกรานไต้หวันอย่างกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่าทางการจีนจะออกมาย้ำว่า บริบทของไต้หวันกับจีนแตกต่างจากยูเครนกับรัสเซีย ทั้งนี้ ความกังวลของชาวไต้หวันยิ่งก่อตัวมากขึ้น เมื่อเกิดข่าวลือว่าประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนรัฐของตนในช่วงเดือน ส.ค.นี้
มีการวิเคระห์ว่า เพโลซีอาจเลือกเดินทางเยือนไต้หวันตามข่าวลือ เนื่องจากคำพูดที่ดุดันของทางการจีนต่อสหรัฐฯ บนประเด็นข่าวลือดังกล่าว อย่างก็ดี จากการประเมินของนักวิเคราะห์คาดว่า จีนอาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการทหารโดยตรงกับสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าตนจะมีการเตรียมความพร้อมทางด้านการทหารก็ตาม โดยจีนยังคงเดินหน้าการส่งกำลังทางอากาศ เพื่อบินเข้าเขตระบุตัวตนเพื่อการป้องกันของไต้หวันอยู่เรื่อยๆ อันเป็นการสร้างการยั่วยุ และแสดงว่าตนมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวัน
ไบเดนในฐานะประมุขฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจใดๆ ในการกำหนดกฎเกณฑ์ต่อประธานรัฐสภาสหรัฐฯ อย่างเพโลซี ซึ่งเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ ในการเดินทางเยือนไต้หวัน โดยไบเดนได้ออกมาให้ความเห็นว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ทั้งนี้ หากเพโลซีเดินทางเยือนไต้หวัน เธอจะเป็นผู้นำระดับสูงของสหรัฐฯ คนที่สอง รองจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เดือนทางเยือนไต้หวันอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ปี 2540
ดรูว์ ทอมสัน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาให้ความเห็นว่า การแถลงข่าวของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ไม่ได้กล่าวถึงไต้หวัน ไม่ได้หมายความว่าเพโลซีจะไม่เดินทางเยือนไต้หวันแต่อย่างใด เพียงแต่อาจเป็นการเดินทางเยือนอย่างไม่เป็นทางการ ทั้งนี้ ทอมสันเชื่อว่าจีนอาจจะรู้สึกพอใจ ถ้าคณะเดินทางของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ เดือนทางเยือนไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการแทน พร้อมกันนี้ ทอมสันคาดว่าการเดินทางเยือนไต้หวันของประธานรัฐสภาสหรัฐฯ จะก่อให้เกิดโอกาสในการยิงขีปนาวุธข้ามเกาะจากจีนมายังไต้หวันที่ยากมาก
ที่มา: