สุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวถึงกรณีที่ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวหาว่าตนรับโทรศัพท์จาก พล ป. ในขณะประชุมพิจารณาการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ส่วนตัวยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง คนเป็นประธานไม่มีโอกาสมารับโทรศัพท์ในหน้าที่อยู่แล้ว การออกมาพูดแบบนี้คือการไม่มามารยาท และเหมือนเป็นการปั้นน้ำเป็นตัว
ทั้งนี้เมื่อเช้าตนก็ได้แจ้งไปในกลุ่มไลน์ของคณะอนุกรรมาธิการฯ ให้ยุทธพงศ์ มาเคลียกับตนในวันนี้ ไม่ใช่มากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน หรือข้อเท็จจริงแบบนี้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากยุทธพงศ์ ซึ่งปกติยุทธพงศ์ ไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่ายๆแบบนี้ แต่ตนก็จะรอให้มาเคลียเรื่องทั้งหมดภายในวันนี้
ส่วนกรณีในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างจีทูจีนั้น คงต้องเป็นเรื่องของทางกองทัพเรือ ที่จะต้องเป็นฝ่ายตอบ ไม่ใช่หน้าที่ของตน และก็ไม่ใช่หน้าที่ของคณะอนุฯกรรมาธิการที่จะต้องตอบเช่นกัน อย่างไรก็ตามคงต้องรอฟังรายละเอียดอย่างชัดเจนบ่ายวันนี้ ที่กองทัพเรือจะตั้งโต๊ะแถลง
อย่างไรก็ตาม สุพล ยังได้กล่าวถึงเหตุผลในการโหวตเห็นชอบในการซื้อเรือดำน้ำ ในสถานการณ์ที่มีผลกระทบจากโควิดขณะนี้ว่า จริงๆก็เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจากที่ฟังเสียงส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นด้วยในการซื้อ แต่ทางกองทัพเรือก็ได้ชี้แจงกลับมาถึงเหตุผล แต่เหนือสิ่งอื่นใดเรื่องของการจัดซื้อเรือดำน้ำ เคยพักการดำเนินไว้ตั้งแต่ปี 63 ซึ่งที่จะต้องจ่ายปีนี้เพราะเป็นงบผูกพันธ์ ที่ได้ไปต่อรองกับประเทศจีนไว้ ที่จะต้องจ่ายในปีนี้แต่เป็นการแบ่งจ่าย ไม่ได้จ่ายเต็มจำนวน
ทั้งนี้งบในส่วนนี้เมื่อปี 2563 ทางกองทัพเรือ ก็ได้คืนให้ทางรัฐบาล เอามาใช้ดูแลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจโหวตผ่าน จากที่คะแนนเสมอ 4-4 ตนเลยต้องใช้อำนาจประธานชี้ขาด และอีกสาเหตุเป็นเพราะตนก็อยู่ในสังกัดของพรรครัฐบาลด้วย ส่วนหลังจากนี้คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่ จะมีมติเป็นไปในแนวทางไหน ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา คงไม่เกี่ยวกับคณะชุดเล็กแล้ว
เมื่อถามว่า การอนุมัติกรณีดังกล่าว อาจจะทำให้เป็นชนวนเหตุต่อการชุมนุมเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่ สุพล กล่าวว่า ส่วนตัวก็รู้สึกเป็นห่วง แต่บางทีสังคมไทยก็ควรที่จะมีสติ ฟังเหตุฟังผลบ้าง ไม่ใช่จะมาบอกแค่ว่าเรือดำน้ำกินไม่ได้ และก็ต้องฟังเหตุผลของกองทัพเรือด้วย