ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวจากการเผยแพร่ของ "เพจแหม่มโพธิ์ดำ" ว่า คนสนิทผู้ติดตามตนกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้นเพื่อขายต่อให้กับนายทุนจีนและผู้อื่น นั้น ขอชี้แจง ว่าจากการตรวจสอบพบว่าผู้กักตุนและขายหน้าหากอนามัยคือ"นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี" ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตน ส่วนนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของตนนั้น ได้ยืนยันกับตนว่าได้ไปพบกับนายศรสุวีร์ ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง โดยได้ไปพบกันที่โรงแรมแมริออท (ประตูน้ำ) กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยกันและไม่เคยรู้จักกันกับนายศรสุวีร์มาก่อนโดยเป็นการพบกันครั้งแรก
ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยอีกว่า เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ตนได้ขอให้นายพิตตินันท์ ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ในความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคาและในความผิดที่ถูกนายศรสุวีร์แอบอ้างนำข้อความไปโพสต์ดังกล่าว พร้อมกับให้นำหลักฐานการแจ้งความมาแถลงข่าวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบอีกทางแล้วโดยนายพิตตินันท์จะดำเนินการในวันนี้ (9 มี.ค.)
ทั้งนี้นายพิตตินันท์ รักเอียด เคยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานของตนจริง แต่หากพบว่านายพิตตินันท์ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายศรสุวีร์ดังกล่าว ตนพร้อมที่จะให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับนายพิตตินันท์ทันที
พร้อมทั้งได้ประสานไป สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ หากพบว่ามีการกักตุนหน้ากากจริง ก็จะเข้าไปทะลายวงจรอุบาทว์นี้ด้วยตัวเอง และได้ให้ตั้งคณะทำงานมาตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากผิดจริงจะให้ออกจากคณะทำงานและดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด พร้อมย้ำว่าไม่ว่าใครหน้าไหนถ้าทำผิดจริงก็จะไม่เอาไว้แน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คนที่จะสามารถกักตุนหน้ากากได้ถึง 200 ล้านชิ้น จะต้องมีอำนาจหรือรู้จักกับผู้มีอำนาจ ถึงได้สินค้าจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ก็ปฏิเสธ ว่าไม่ทราบถึงขบวนการ กำลังตรวจสอบอยู่ และไม่เชื่อว่าจะมีหน้าหากถึง 200 ล้านชิ้น อาจจะแค่โม้หรือว่าอยากดังจึงไปถ่ายรูปกับคณะทำงานเท่านั้นเอง
เมื่อถามย้ำว่าส่วนตัวไม่รู้จักกับนายพิตตินันท์มาก่อนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ยังคงยืนยันว่าไม่รู้จักมาก่อนเพราะไม่ได้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้
ส่วนที่มีการอ้างชื่อตนเองเป็นประจำ เพื่อนนำไปทำธุรกิจ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ทราบ แต่ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจดังนั้นการเสนอข่าวต่างๆ อยากให้สื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะไม่อยากไปเอาผิดกับใครในภายหลัง พร้อมกันนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งความเอาผิดกับเพจดังที่เปิดเผยข้อมูลแล้ว
ส่วนตัวโรงงานที่ผลิตหน้ากากนั้น ก็ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบเพราะเพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้า และไม่รู้จัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวอีกว่า คนที่อ้างว่ามีหน้ากาก มีพฤติกรรมชอบโพสต์ตำหนิการทำงานของรัฐบาลเป็นประจำ และเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมือง
เมื่อถามย้ำว่าถอดใจหรือไม่เพราะชื่อของตัวเองตกเป็นเป้าและมักถูกโจมตีอยู่เพียงคนเดียวในรัฐบาลชุดนี้ ร.อ.ธรรมนัส ตอบว่าไม่ถอดใจ โดยยืนยันที่เข้ามาเพื่อทำงานให้กับบ้านเมือง และดูแลประชาชน หากวันหนึ่งประชาชนไม่ต้องการหรือไม่เอาแล้ว เห็นว่าไม่มีประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่ต้องปรับพร้อมไปทันทีเพราะไม่มีอาชีพเป็นนักการเมือง
และเมื่อช่วงเช้าได้เเจ้งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยนายกฯได้สั่งให้ดำเนินการชี้แจง พร้อมทั้งสอบสวนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเดือนร้อนของประชาชน