วอยซ์ เดินทางสู่ศูนย์การค้าย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา พูดคุยกับ วิกรม เตชะธีราวัฒน์ หรือ เต้ วัย 31 ปี ผู้สมัคร ส.ส. เชียงราย เขต 3 พื้นที่ อ.แม่ลาว อ.แม่สรวย อ.เวียงป่าเป้า พรรคเพื่อไทย เขาเล่าให้ฟังว่า ตัวเองเป็นคนเชียงรายโดยกำเนิด เติบโตและใช้ชีวิตที่เชียงรายตั้งแต่เด็ก ก่อนย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และไปเรียนปริญญาตรีใบที่สอง สาขาวิศวกรรมการบิน ที่ Royal Melbourne Institute of Technology University ประเทศออสเตรเลีย ก่อนจะกลับมาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัดของสายการบินหนึ่ง และทำธุรกิจส่วนตัว
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ตนเองมาจากครอบครัวนักการเมือง จึงมีความสนใจทำงานด้านการเมืองตั้งแต่เด็ก การไปร่วมลงพื้นที่กับคุณลุง วิสาร เตชะธีราวัฒน์ และคุณพ่อ วิสิษฐ์ เตชะธีราวัฒน์ โดยทั้งคู่ต่างก็เป็น ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย แล้วได้เห็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ไม่ว่าจะตอนพวกเขามีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ทำให้เขารู้สึกประทับใจ
สมัยก่อนต้องนึกภาพว่า คนในต่างจังหวัด เราไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาใครได้เลย เพราะชาวบ้านเข้าไม่ถึงการสื่อสาร หรือหน่วยงานราชการอยู่แล้ว ที่พึ่งพิงจึงเป็นผู้แทนของประชาชน
เมื่อถามว่าปัญหาใดบ้างที่อยากจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไข เขาบอกว่า ปัจจุบัน เรื่องเศรษฐกิจปากท้องและปัญหาราคาสินค้าเกษตร เป็นเรื่องที่เขามุ่งมั่นอยากจะผลักดัน ส่วนหนึ่งเพราะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมกันกว่า 70% แต่กำลังเผชิญวิกฤตการเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านจึงเดือดร้อนมากและต้องการให้พรรคการเมืองหรือใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือ
เขาบอกว่า ระยะหลัง ในช่วงที่การเมืองเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น เขามีโอกาสได้เข้าไปทำงานในฐานะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร หลายตำแหน่ง อาทิ เลขานุการคณะกรรมาธิการกีฬา โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญ พ.ร.บ. ถอดถอนผู้บริหารและสมาชิกท้องถิ่น พ.ศ. … ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ งบประมาณปี 2565 และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง งบประมาณปี 2566 รวมถึงการทำงานในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ด้วย
นอกจากนี้ เขาบอกว่า ปัญหาการเมืองไทยในตอนนี้ คือ การที่ผู้มีอำนาจยึดติดในอำนาจ มองว่าตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ประเทศต้องมีเขาจึงจะเดินหน้าได้ แต่ส่วนตัวมองว่า การเมืองยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คนหน้าใหม่ๆ เข้ามาเล่นการเมืองเยอะขึ้น เพราะว่าประชาชนเปิดโอกาส อยากเห็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่ๆ เข้ามาทำงานการเมือง ในอนาคตอันใกล้ เขาเชื่อว่า จะมีผู้สมัครหรือนักการเมืองใหม่ๆเข้ามามากขึ้น เพราะภาพลักษณ์นักการเมืองสมัยก่อนดูจับต้องหรือเข้าถึงได้ยาก แต่นักการเมืองสมัยนี้ต้องเป็นคนที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ถึงเวลาที่คนรุ่นเก่าที่ยึดติดในอำนาจต้องรู้จักปล่อยมือได้แล้ว และเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาช่วยเหลือ
เมื่อถามว่าทำไมต้องสังกัดพรรคเพื่อไทย เขาตอบว่า พรรคเพื่อไทย มี DNA ของ พรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะในเรื่องนโยบายหรือบุคลากร ตั้งแต่สมัยที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี สามารถนำเสนอนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ทุกนโยบายที่คิดออกมาล้วนเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเขา เช่น สามสิบบาทรักษาทุกโรค หรือ กองทุนหมู่บ้าน จึงมองว่า นโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย จะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ โดยเฉพาะในตอนนี้ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเศรษฐกิจปากท้อง ยาเสพติด การศึกษา ทุกอย่างแย่ไปหมดตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ที่ไม่ได้มีพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำในการบริหารประเทศ.
ภาพ : ฉัทดนัย ทิพย์วรรณ