นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงการปรับลดงบประมาณเพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ช่วงสัปดาห์ก่อนได้มอบหมายให้ น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดีอีเอส ประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวง ถึงแนวทางการปรับลดงบประมาณร้อยละ 10 เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้มอบหมายให้แต่ละหน่วยงานกลับไปพิจารณาว่าสามารถปรับลดงบประมาณส่วนใดได้บ้าง โดยเรียงลำดับตามความสำคัญ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะต้องเสนอยังปลัดกระทรวงดีอีเอส เพื่อรวบรวมภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจึงเสนอต่อให้ตนเพื่อพิจารณาต่อไป
แม้ที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอส ได้รับการจัดสรรงบประมาณราว 5,000-6,000 ล้านบาท ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็ให้ความสำคัญกับการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จะเป็นประโยชน์มากกว่า โดยการปรับลดงบประมาณร้อยละ 10 ไม่ใช่การตัดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ซึ่งได้ให้แต่ละหน่วยงานไปพิจารณาเอง โดยดูตามความสำคัญ และแม้จะกระทบต่อการบริหารจัดการในโครงการต่างๆ บ้าง แต่ก็จะพยายามทำให้กระทบน้อยที่สุด
นายพุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโควิด-19 เชื่อว่า ประชาชนจะมีความตื่นตัวด้านดิจิทัลของคนไทยเพิ่มขึ้นทั้งจากในภาวะวิกฤตที่ประสบอยู่ขณะนี้ กระทรวงดีอีเอส ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน จำนวน 3 แอปพลิเคชัน เพื่อช่วยสนับสนุนมาตรการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work Form Home ของรัฐบาล โดยให้บุคลากร หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ให้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้ มีผู้ลงทะเบียนแล้ว จำนวน 300,000-400,000 ราย
โดยบุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เดิมไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนรู้ระบบดิจิทัลมากนัก ดังนั้น ในภาวะวิกฤตนี้ ถือเป็นการปรับพฤติกรรม ปรับความคุ้นชินในการทำงาน เพื่อช่วยยกระดับทำงานของรัฐบาลให้เป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Government
ทั้งนี้ จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณา การช่วยสนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี) เพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูธุรกิจ หรือฟื้นฟูนวัตกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 เนื่องจากมองว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านนวัตกรรม สตาร์ทอัพ ซึ่งมีแนวคิดดีๆ ควรได้รับโอกาสในได้รับทุนสนับสนุนเพื่อนำไปต่อยอดโครงการต่างๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโครงการเดิมที่ได้รับการอนุมัติไปก่อนหน้า เพื่อเป็นการขยายความช่วยเหลือไม่ใช่จะหลับหูหลับตาทำเหมือนเดิม ทั้งนี้ ก็เพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบได้ลืมตาอ้าปากได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :