เช้าวันนี้ 10 ก.ย. ทางการเวียดนามได้ส่งตัวเดบบี้ สตอดดาร์ด เลขาธิการของสหพันธ์นานาชาติเพื่อสิทธิมนุษยชน (FIDH International Federation for Human Rights) ออกจากสนามบินนานาชาติฮานอยเพื่อให้โดยสารเที่ยวบินกลับไปยังมาลเซียที่ซึ่งเป็นจุดที่สตอดดาร์ดเดินทางไปยังเวียดนาม ทั้งนี้หลังจากที่กักตัวเธอไว้ที่สนามบินเป็นเวลาร่วม 15 ช.ม.
สหพันธ์ระบุว่าสตอดดาร์ดนั้นเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังเวียดนามเพื่อจะเข้าร่วมการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกสำหรับอาเซียน (World Economic Forum for ASEAN) ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพและจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-13 ก.ย.นี้ ก่อนหน้านี้กลุ่มสิทธิได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องขอให้ทางการเวียดนามปล่อยตัวสตอดดาร์ด ซึ่งยังมีตำแหน่งเป็นผู้ประสานงานเครือข่ายทางเลือกอาเซียนเพื่อพม่าด้วย ข้อมูลของกลุ่มรวมทั้งจากสตอดดาร์ดระบุว่า เจ้าหน้าที่เวียดนามกักตัวเธอโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายคนเข้าเมืองในข้อที่ห้ามบุคคลที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคง ความสงบของสังคมและความปลอดภัย
สหพันธ์ให้ข้อมูลด้วยว่า สตอดดาร์ดได้รับเชิญจากผู้จัดการประชุมเพื่อให้เข้าร่วมการเสวนาในหัวข้อ “การริเริ่มภายใต้แรงกดดัน” ซึ่งวงอภิปรายดังกล่าวจะมีขึ้นในวันสุดท้ายของการประชุม แถลงการณ์ของสหพันธ์ระบุว่า ทางการเวียดนามได้แจ้งกับผู้จัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่าเวียดนามขึ้นบัญชีดำสตอดดาร์ดเพราะงานรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนของเธอ
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกสำหรับอาเซียนที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพหนนี้ ถือได้ว่าเป็นการพบปะกันของผู้นำและบุคคลสำคัญของอาเซียนครั้งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคสำหรับปีนี้ก็ว่าได้
รอยเตอร์กล่าวอีกว่า แม้เวียดนามจะเปิดกว้างมากขึ้นในขณะที่ปฎิรูปเศรษฐกิจ แต่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามยังคงควบคุมสื่ออย่างเข้มงวดและมักไม่พอใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามยังจับกุมคุมขังนักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนหลายคนโดยกล่าวหาว่าพวกเขาพยายามจะโค่นล้มรัฐบาล สำหรับในหนนี้โฆษกของงานแสดงความผิดหวังกับการที่ทางการเวียดนามไม่อนุญาตให้สตอดดาร์ดเข้าร่วมการประชุม แต่ระบุว่าจะพยายามให้เธอเข้าร่วมด้วยวิธิการอื่นต่อไป
ส่วนสตอดดาร์ดซึ่งทวีตเรื่องการถูกกักตัวตั้งแต่แรกบอกว่า ปัญหาที่เธอเผชิญถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับที่นักรณรงค์เพื่อสิทธํิมนุษยชนคนอื่นๆของเวียดนามประสบ และแสดงความหวังว่า การที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสำคัญเช่นเวทีเศรษฐกิจโลกจะทำให้เวียดนามตระหนักว่า พหุวัฒนธรรม สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพเป็นสิ่งที่จำเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจ
การประชุมหนนี้ รอยเตอร์ระบุว่าเนื้อหาสำคัญคือต้องการถกกันในเรื่องการริเริ่มใหม่ๆที่จำเป็นในการพัฒนาเศรษฐกิจและผลักดันความเจริญเติบโต
หัวข้อการประชุมหนนี้คือ ASEAN 4.0: Entrepreneurship in the fourth industrial revolution ซึ่งเวียดนามชี้ว่าสอดคล้องกับหัวใจสำคัญของอาเซียนในเวลานี้ คือการเป็นอาเซียนที่มีความริเริ่มและพึ่งพาตัวเองได้ เนื้อหาส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสมาร์ทซิตี้ การพัฒนาการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในขณะที่พัฒนาอุตสาหกรรมไปด้วย รวมทั้งการสร้างงานจากบรรดาทรัพยากรแรงงานที่มีมากมายในกลุ่มอาเซียน เว็บข่าวเวียดนามเนตระบุว่างานนี้เป็นงานใหญ่ที่สุดที่เวียดนามจัดในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่าพันคน