ไม่พบผลการค้นหา
สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่น 71,454 รายชื่อ เสนอ 3 ร่างกฎหมาย เพิ่มสิทธิผู้บริโภคให้เท่าทันยุคสมัย ครอบคลุมซื้อขายออนไลน์ ยกระดับมาตรฐานคุ้มครองผู้บริโภค โดยมี คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมารับมอบ

นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับการยื่นเสนอ 71,454 รายชื่อ จากสภาผู้บริโภค นำโดย นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค พร้อมด้วยนักกฎหมาย นักวิชาการ ตัวแทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เสนอร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. …. จำนวน 23,872 รายชื่อ ร่างพระราชบัญญัติอาหาร(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .… จำนวน 23,877 รายชื่อ และร่างพระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. …. หรือกฎหมายเลมอน ลอว์(Lemon Law) จำนวน 23,705 รายชื่อ

IMG_9369-1200x677.jpg

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 สภาผู้บริโภคนำโดย บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค พร้อมนักกฎหมาย นักวิชาการที่มีส่วนร่วมในการร่างกฎหมาย 3 ฉบับ และตัวแทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ร่วมเป็นสักขีพยานนำรายชื่อทั้งหมด 71,454 รายชื่อ เข้ายื่นแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ 

1. พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. … จำนวน 23,872 รายชื่อ 

2. พระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ …) พ.ศ. … จำนวน 23,877 รายชื่อ 

3. พระราชบัญญัติความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า พ.ศ. …. หรือกฎหมายเลมอน ลอว์ (Lemon Law) จำนวน 23,705 รายชื่อ 

โดยมี คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมารับมอบ

เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั้งหมด 70,000 กว่าชื่อ ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นหวังว่าร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ จะเป็นร่างของรัฐบาลในการนําเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และหวังว่าสภาผู้สภาผู้แทนราษฎรจะเร่งดำเนินการนําร่างของภาคประชาชนที่ลงชื่อสนับสนุนมา 70,000 กว่าชื่อ เข้าสู่การพิจารณา และเร่งรัดในการตั้งวาระเพื่อให้ทันสมัยประชุมที่กําลังจะเกิดขึ้น

“ต้องขอขอบพระคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมกับการผลักดันกฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญของประเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสื่อมวลชนจะช่วยกันติดตามกฎหมายฉบับนี้ เพราะขณะนี้เรียกได้ว่ากระบวนการยุติธรรมไม่อาจเป็นที่พึ่งของผู้บริโภคได้ หวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะช่วยแก้ปัญหาส่วนหนึ่งให้กับผู้บริโภคได้จริง” 

ทำไมต้องแก้ไขกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค

ทั้งนี้ ชัยรัตน์ แสงอรุณ เผยว่า เนื่องจากประเทศไทยมี พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค 2522 ที่เขียนไว้เมื่อ 45 ปี ถึงแม้จะมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายมา 3 ครั้ง แต่สิทธิของผู้บริโภคไทยก็ยังถูกจำกัดไว้เพียง 5 ข้อเท่าเดิม ในขณะที่สิทธิผู้บริโภคสากลมี 8 ข้อ แต่สำหรับยุคดิจิทัลนั้น สภาผู้บริโภคเห็นว่าสิทธิเพียง 8 ข้อ และองค์การสหประชาชาติได้รับรองให้มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการคุ้มครองในการซื้อขายออนไลน์ ต้องไม่น้อยกว่าการซื้อขายแบบเดิม

ด้วยเหตุนี้ สภาผู้บริโภคจึงเสนอปรับเพิ่มสิทธิผู้บริโภคในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่ เป็น 10 ข้อ เพื่อให้สิทธิผู้บริโภคไทยเท่าทันยุคสมัย และกฎหมายสามารถบังคับใช้ได้จริง ซึ่งการเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฉบับสภาผู้บริโภค เน้นการปรับปรุงสิทธิผู้บริโภคให้ครอบคลุมรูปแบบการซื้อขายออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังปรับปรุงกลไกโครงสร้างคณะกรรมการให้มีความโปร่งใส และการตัดสินข้อพิพาทให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นไปอย่างเป็นธรรมและตรงไปตรงมา

พ.ร.บ.อาหารที่มีอยู่ คุ้มครองได้จริงหรือ?

ภญ.สรีรโรจน์ สุกมลสันต์ กล่าวว่า ในขณะที่การบริโภคของคนไทยได้รับการคุ้มครองด้วย พ.ร.บ.อาหาร 2522 แต่วิถีการบริโภคอาหารในปัจจุบันที่เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งรูปแบบอาหาร การโฆษณา ที่มาตอบสนองต่อผู้บริโภคยุคปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกฎหมายที่มีไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเติบโตของสังคม ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการเผชิญอันตรายจากอาหารไม่ปลอดภัย และการโฆษณาเกินจริง  

การเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.อาหาร ฉบับสภาผู้บริโภค ร่างนี้เสนอให้เพิ่มระบบการจัดการอาหารที่ไม่ปลอดภัย และปรับปรุงข้อกำหนดการอนุญาตและการโฆษณาอาหารให้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกำหนดบทบาทความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ เพื่อป้องกันการโฆษณาที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค

หยุดความชำรุด ด้วยเลมอนลอว์

สำหรับกฎหมายเลมอน ลอว์ นั้น ดร.เอมผกา เตชะอภัยคุณ กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับความรับผิดชำรุดบกพร่องของสินค้า ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ยังขาดขอบเขตความรับผิดของผู้ขายที่ชัดเจน สิทธิของผู้ซื้อยังคลุมเครือ และไม่มีคำนิยามที่กระจ่างของคำว่าความชำรุดบกพร่อง นำมาซึ่งช่องโหว่ที่ทำให้ผู้บริโภคต้องต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเองอย่างยากลำบาก ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงเสนอผลักดันร่าง พ.ร.บ.ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องของสินค้า เพื่อมุ่งแก้ปัญหาสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มักมีปัญหาด้านประสิทธิภาพ โดยร่างกฎหมายนี้จะระบุถึงความรับผิดชอบของผู้ขายและสิทธิของผู้บริโภคไว้อย่างชัดเจน

19112024_TCC-News-Canclr-Law-02_0-1200x675.png

ขณะที่ บุญยืน กล่าวว่า กฎหมาย 3 ฉบับนี้ มีสองฉบับที่มีอยู่แล้ว และสภาผู้บริโภคขอแก้ไขเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่อีกหนึ่งฉบับคือเลมอนลอว์ ที่ผ่านมาอย่างน้อย 3 รัฐบาลแล้ว ผ่านกรรมาธิการมาแล้วหลายชุด และรัฐบาลที่ผ่านมาไม่พิจารณา แต่วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเกิดกฎหมายฉบับนี้

“วันนี้เรามาด้วยความหวังว่ารัฐบาลชุดนี้ จะไม่ชักช้าเหมือนเดิมเพราะกฎหมายทุกฉบับมีประโยชน์ต่อประชาชน ทุกวินาทีเสียไปมีประชาชนถูกหลอกประชาชนเสียหาย เพราะฉะนั้นอยากฝากบอกทางรัฐสภาไว้ว่า การทำกฎหมายที่เร่งด่วน คือการช่วยผู้บริโภคให้ถูกหลอกน้อยลง กฎหมาย 3 ฉบับนี้ไม่ได้เขียนเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เขียนเพื่อประชาชนทั้งประเทศเพราะเราเป็นตัวแทนของผู้บริโภค” ประธานสภาผู้บริโภคฝากทิ้งท้าย

มีส่วนร่วมกับการคุ้มครองผู้บริโภค

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายที่คุ้มครองผู้บริโภคเป็นจำนวน แต่เมื่อเกิดปัญหาผู้บริโภคกลับไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายได้เต็มที่ เพราะข้อจำกัดของกฎหมายที่ไม่เท่าทันสังคมปัจจุบัน การตีความที่ไม่ชัดเจน หรือการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สามารถทำให้ผู้ประกอบการเกรงกลัวได้ ดังนั้น การผลักดันการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองผู้บริโภคไทยและขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผลักดันร่างกฎหมาย 3 ฉบับนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคไทยและเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายอย่างแท้จริง ไม่ใช่การมีกฎหมายแต่ไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้

หลังจากยื่นรายชื่อครั้งนี้ ขอเชิญชวนผู้บริโภคร่วมจับตามองการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค มาร่วมกันเป็นพลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ ด้วยการสะท้อนปัญหา สนับสนุน ให้ความเห็นข้อเสนอแนะ หรือร้องเรียน มายังสภาผู้บริโภคได้ทุกช่องทาง หรือโทร 1502

e36220a9ab39730be1d06fef040edbf8303408.jpg

ด้านโฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ร่างกฎหมาย 3 ฉบับที่ทางสภาผู้บริโภคนำมายื่นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวเพราะทุกคนถือว่าเป็นผู้บริโภค ต้องยอมรับว่ากฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค ตอนนี้ล้าสมัยไม่ทันต่อการพัฒนาการการขายสินค้าและบริการ ดังนั้นการมีกฎหมายที่ทันต่อยุคสมัย จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค มิฉะนั้นผู้บริโภคจะตกเป็นเหยื่อของผู้ประกอบการที่เอาเปรียบ หากกฎหมายในการแก้ไขอย่างรวดเร็วก็จะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะนำเรื่องดังกล่าวไปนำเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป