ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มผู้ขับรถรับจ้างสี่ล้อแดง แท็กซี่ วินจักรยานยนต์ และตุ๊กตุ๊ก รวมตัวกันชูป้ายเรียกร้องให้แก้ไขปัญหา "แกร็บคาร์" บริเวณหน้าสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 3 (อาเขต) ขณะที่ทางขนส่งจังหวัดและตำรวจเรียกคู่กรณี จากคลิปล้อม "แกร็บคาร์" เข้าเจรจา และดำเนินคดี อ้างคนแห่ไปใช้ "แกร็บคาร์" ที่ราคาถูกกว่าแต่ไม่ได้มาตรฐานทำให้รายได้ผู้ประกอบการรถป้ายเหลืองหดหาย

นางพรรณี พุ่มพันธุ์ ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตัวแทน รถรับจ้างสาธารณะในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมหารือ ที่สถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 3 (อาเขต)เพื่อหาทางแก้ปัญหา และเน้นย้ำมาตรการ กรณีที่มีคลิปวีดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ กลุ่มคนขับรถรับจ้างสาธารณะปิดล้อม Grap car และบังคับให้ผู้โดยสารลงจากรถ บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสาร จังหวัดเชียงใหม่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนักในโลกโซเชียลและสังคมทั่วไป



vlcsnap-2018-10-02-11h43m30s98.jpg

ล่าสุดกลุ่มผู้ประกอบการขับรถรับจ้างทั้งแท็กซี่ ลี่ล้อแดง จักรยานยนต์รับจ้าง และตุ๊กตุ๊ก ประมาณ 30 คนได้ถือป��ายข้อความและรูปภาพคัดค้าน มาที่ด้านหน้าอาคาร สถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 3 (อาเขต) เพื่อเรียกร้องให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ได้แก้ไขปัญหากรณี GrabCar ที่ใช้รถป้ายดำ มาประกอบการขับรถรับจ้างโดยผิดกฎหมาย ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้อ้างว่าคนเองเป็นรถรับจ้างป้ายเหลือง ที่ถูกต้องตามกฎหมายเสียเงินเป็นแสนกว่าจะได้รับป้าย แต่ต้องมาถูกแย่งอาชีพแย่งรายได้จาก GrabCar แม้จะเรียกร้องหลายครั้งแต่ปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไขที่เปิดให้บริการ

ทั้งนี้ มีการอ้างว่า GrabCar มีราคาค่าบริการที่ถูกกว่าต้นทุน ทำให้ถูกตัดราคา และดึงลูกค้าไป โดย GrabCar แม้จะมีราคาถูกแต่ไม่ได้มาตรฐาน ขณะที่บางคนกล่าวว่า พฤติกรรมที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเรื่องการขับรถไม่ถูกกฎหมาย อย่างเช่นเรื่องการจอดรถต้องชี้แจงว่าบางเส้นทางรถสี่ล้อแดงไม่ได้มีที่จอดเป็นหลักแหล่งจึงต้องจอดตามสองข้างทาง

อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวหลังแสดงจุดยืน แต่ยังกระจายอยู่ตามพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานีขนส่ง เพื่อรอฟังผลการเจรจาพูดคุยกัน

แกร็บ (ประเทศไทย) ให้ความช่วยเหลือและปลอบขวัญคนขับในคลิป

ด้านบริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ กรณีกลุ่มผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะในจังหวัดเชียงใหม่ ข่มขู่และมีท่าทีพยายามทำร้ายพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และผู้โดยสารแกร็บคาร์ โดยเนื้อหาระบุว่า

สืบเนื่องจากการรายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะในจังหวัดเชียงใหม่ ข่มขู่และพยายามประทุษร้ายพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และผู้โดยสารแกร็บคาร์ ที่บริเวณสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2561บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด ขอประกาศให้ทราบว่าบริษัทฯ รู้สึกเสียใจที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และเรารู้สึกห่วงใยในความปลอดภัยของผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ของเราเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ถือเป็นสิ่งที่แกร็บให้ความสำคัญสูงสุดเสมอมา โดยบริษัทฯ ได้ติดต่อไปยังผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่แล้วภายหลังรับทราบเหตุ และได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและทำการปลอบขวัญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแกร็บ ได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ เพื่อให้ผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่มั่นใจสูงสุด บริษัทฯ ขอเรียนย้ำว่าเราจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และผู้โดยสารของเราจะยังคงได้รับความปลอดภัยสูงสุดเท่าที่เราจะสามารถกระทำได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนและสอดส่องดูแลเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องด้วยเหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใด

ในฐานะบริษัทที่มุ่งมั่นให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเดินทางขนส่ง แกร็บมุ่งมั่นสนับสนุนความพยายามของประเทศไทยในการมอบบริการด้านการเดินทางที่มีความปลอดภัยและสะดวกสบาย พร้อมๆ ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาจราจรและระบบขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดท่องเที่ยวหลักๆ ของประเทศไทยที่มีการขยายตัว โดยล่าสุด แกร็บได้ร่วมมือกับจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้การสนับสนุนระบบขนส่งระหว่างการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบโมโตจีพีที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5 -7 ตุลาคม 2561 ที่จะมีผู้เดินทางมาชมนับแสนคน โดยทางจังหวัด เล็งเห็นศักยภาพของแกร็บ ที่นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกทางการจราจรแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในท้องที่ พร้อมทั้งส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับการท่องเที่ยว และเปิดโอกาสให้ชาวบุรีรัมย์ได้เป็นเจ้าภาพที่ดีตลอดระยะเวลาการแข่งขัน

นอกจากนี้ ล่าสุด แกร็บ ยังได้จับมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนท้องถิ่นใน 5 จังหวัดของประเทศ ทั้งใน กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และ สุราษฎร์ธานี (สมุย) โดยรูปแบบการดำเนินการทั้งหมดนี้ ยังสามารถนำไปปรับใช้ต่อยอดให้กับการท่องเที่ยวและคมนาคมในจังหวัดอื่นๆ ได้ในอนาคต

บริษัทฯ มีความพร้อมและยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาระบบ รวมถึงการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้และรายได้ให้กับผู้ขับขี่ต่อไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะของประเทศให้ปลอดภัย สะดวกสบายและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาประเทศตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 อีกทางหนึ่ง


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :