วันที่ 18 ต.ค. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเมื่อวานนี้ (17 ต.ค. 2565 ) เตรียมยุบพรรรคภูมิใจไทย ที่เสนอนโยบายกัญชาเสรี โดยนพ.ชลน่าน อธิบายว่า ความจริงการยื่นยุบพรรคเป็นเพียงขั้นตอนแรกเริ่มของคณะทำงาน ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติให้ผู้อภิปรายหลักได้ทำงานต่อเนื่อง ขณะนี้ดำเนินการไปทั้งหมด 19 เรื่อง ฟ้องไปแล้ว 12 เรื่อง มีเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น นโยบายเสรีกัญชา ซึ่ง สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ดำเนินการหลัก และมีข้อเสนอ 2 ข้อ ได้แก่ 1) ยื่นต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว 2) ส่อเข้าข่ายการได้มาซึ่งอำนาจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงอาจเป็นผลให้ยื่นยุบพรรคได้
ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าข้อเสนอดังกล่าว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรพิจารณาอย่างรอบคอบรอบด้าน จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการฝ่ายกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยนักกฎหมายหลายท่าน เป็นผู้พิจารณาว่า มีหลักฐานและเหตุผลเพียงพอจะยื่นไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ขั้นตอนมีอยู่เพียงเท่านี้ ซึ่งเวลานี้ยังไม่ได้มีการยื่นยุบพรรคไปแต่อย่างใด
หลังจากนี้ คณะกรรมการฯ จะต้องไปพิจารณาต่อ แต่ย้ำว่าในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่มีมติว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องอย่างไร ต้องรอผลสรุปจากการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ก่อน ว่ามีหลักฐานและเหตุผลเพียงพอสมควรต่อการยื่นหรือไม่
นพ.ชลน่าน ย้ำว่า ตนเคารพเรื่องการทำงาน ไม่มีการห้ามกันว่าไม่ควรยื่น แต่ขอให้คณะทำงานได้พิจารณากันอย่างละเอียด พรรคเพื่อไทยเองก็มีจุดยืนชัดเจน ว่าไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคอย่างง่ายดาย เคยมีความพยายามแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับเหตุในการยุบพรรคด้วย โดยย้ำว่าเหตุผลเดียวที่ควรต่อการยื่นยุบพรรคคือ การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุเพียงพอในการยื่นยุบพรรค ที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องลงมติกัน โดยหลักการ แต่ละพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับการยื่นยุบพรรคการเมืองโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม หรือโดยพร่ำเพรื่ออยู่แล้ว จึงคิดว่าส่วนใหญ่จะเห็นไปในทางเดียวกัน
"ยึดหลักการเป็นเรื่องหลัก ข้อกฎหมายที่มีอยู่ขณะนี้ เราไม่เห็นด้วย จึงยึดข้อกฎหมายเป็นเรื่องรอง เพราะถ้ายึดข้อกฎหมายเป็นเรื่องหลัก อาจจะเป็นลักษณะของการส่งเสริมให้องค์กรอิสระมีอำนาจล้นเกินในการพิจารณายุบพรรคการเมือง"
เมื่อถามว่ามีอะไรจะฝากถึงพรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาตอบโต้ว่าหากต้องการยุบพรรค ตนก็มีหลักฐานพร้อมยื่นเช่นกันหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คงไม่มีอะไรฝาก เป็นวิถีทางการเมืองที่ทุกพรรคก็มีความเห็นได้ แต่พรรคเพื่อไทยทำเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ จึงได้นำมาพิจารณาอย่างเปิดเผย เพราะข้อมูลที่มีก็สามารถผลักดันให้องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ สามารถยื่นได้เลย ไม่จำเป็นต้องยื่นในนามพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เรายังเคารพความเป็นสถาบันของพรรคการเมืองไว้
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ยังระบุว่าการพิจารณายื่นยุบพรรคนั้น ไม่ใช่เกมทางการเมืองที่จะแข่งขันกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย เพราะเพื่อไทยถือว่าทุกพรรคการเมืองล้วนเป็นคู่แข่ง ไม่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคพลังประชารัฐ แต่รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เป็นคู่แข่ง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกใครมาทำงาน พร้อมแข่งขันในกติกาที่เป็นธรรม ทั้งยังมองว่า จะไม่มีปัญหากับการร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ ต่อไปในอนาคต
"นักการเมืองที่ทำงานด้วยความเข้าใจย่อมมีวิจารณญาณ ผมกลับมองในมุมบวกว่า กระแสสังคมให้ความสนใจกับการยื่นยุบพรรค มีทั้งบวกและลบ ส่วนใหญ่มองว่าไม่เห็นด้วยที่จะยุบ นอกจากมีเหตุผลสำคัญจริงๆ เช่นเดียวกับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย" นพ.ชลน่าน กล่าว
'สันธนะ' ร่อนหนังสือลาออก หวั่น 'เพื่อไทย' จับมือพรรคเผด็จการ
ส่วนกรณี สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมอ้างเหตุผลว่าพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มจะไปจับมือร่วมงานกับพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการในอนาคตนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า เป็นสิทธิของสมาชิก รวมถึงประชาชนที่จะเลือกสมัครสมาชิกพรรคใดก็ได้ตามอุดมการณ์ของผู้นั้น ซึ่งตนได้รับหนังสือและมีผลแล้ว แต่จากเหตุผลที่ สันธนะ กล่าวอ้างว่าพรรคเพื่อไทยอาจไปจับมือกับพรรคการเมืองในฝ่ายเผด็จการนั้น ก็มีเหตุผลอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
“จะลาออกโดยไม่มีเหตุผลใดๆ ก็ไม่มีใครเขาว่า เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว แต่ให้เหตุผลบางทีเหมือนเป็นการ ทำให้ตัวเองไม่มีเหตุผลเพียงพอ” นพ.ชลน่าน กล่าว