ไม่พบผลการค้นหา
หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ซัด 'ประยุทธ์' ล้มเหลวซ้ำซากและยุทธศาสตร์ทำไทยจมปลักดักดานอยูกับความเหลื่อมล้ำและล้าหลัง

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ระบุในงานฝ่ายค้านเพื่อประชาชนซึ่งจัดขึ้น ณ ห้างสรรพสินค้าโรบินสันศรีราชา ภายใต้หัวข้อ "หลากมุมมองโครงการอีอีซี กับ การมีชีวิต กฏหมายและรัฐธรรมนูญที่ดี" ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้มเหลวซ้ำซากในการแก้ปัญหาและการปฏิรูปประเทศ ตามที่ได้แถลงไว้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ภายหลังจากการปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 แถมมีการออกกฏหมายมากมายหลายฉบับที่เข้าลักษณะลับลมคมใน เช่น พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ. ศ. 2561 หรือ พ.ร.บ.อีอีซี ก็เอารัดเอาเปรียบและเลือกอำนวยประโยชน์ให้กับนายทุนบางกลุ่มบางจำพวกที่ไม่เห็นหัวพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่

นิคม บุญวิเศษ 350131.jpg

นอกจากนี้ องค์การอิสระซึ่งถูกตั้งขึ้นมาเพื่อคานอำนาจซึ่งกันก็เพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่างคนต่างทำงาน บางองค์การก็คลุมเครือและแยกข้าง ผู้แทนปวงชนชาวไทยบางรายก็ทุรยศและไม่ทำหน้าที่ ตามมาตรา 114 กล่าวคือ ถูกครอบงำ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและความผาสุกของประชาชนโดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ รวมถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มักกระทำตนเป็นผู้ยิ่งใหญ่และอยู่เหนือทุกหน่วยงาน เป็นผู้นำ หรือ หัวหอกในการละเว้น หรือ เพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตามกฎและกติกา มิหนำซ้ำยังมีการนำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ลิดรอนแนวคิดแบบก้าวกระโดดมาบังคับใช้ หรือ เป็นตราสังที่ผูกมัดรัดรึงและจับไทยขึงพืดไว้กับแนวคิดที่ต่ำตมและล้าหลัง

ยุทธศาสตร์ชาติ มีความจำเป็น ผู้เขียน หรือ ผู้ยกร่างอาจมีประสบการณ์ แต่ทำตนไม่ถูกที่ถูกเวลาเพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว และถึงเวลาแล้วที่ต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ใช้ศักยภาพ หรือ มีบทบาทในการกำหนดชะตาชีวิตของตนเองและของประเทศ อีกทั้ง มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผู้สมคบคิดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีจะไม่มีชีวิตอยู่เลยในปี พ.ศ 2580 ซึ่งเป็นปีที่ครบกำหนดการบังคับใช้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่สิ่งที่เหลืออยู่คือประเทศไทยที่ต้องจมปลักดักดานอยู่กับความเหลื่อมล้ำและล้าหลังแบบหวานอมขมกลืน 

อีกทั้ง โครงการต่างๆ โดยเฉพาะเมกะโปรเจกต์ที่ผลักดันกันแบบอุกฤษฎ์ก็มีการจัดสรร หรือ ถูกแบ่งปันกันระหว่างบรรดานายทุน หรือ ผู้มั่งคั่งไม่กี่ตระกูลและประชาชนฐานราก หรือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเรียกคืนพื้นที่ เช่น ตำบลเขาดิน ตำบลแสมสาร ตำบลบางละมุง หรือ ชุมชนบ้านแหลมฉบัง ฯลฯ ก็มิได้รับผลประโยชน์ใดๆจากการพัฒนา หรือ การเปลี่ยนแปลงที่รัฐบาลคิดว่าดีเลยแม้แต่น้อยนิด แต่กลับต้องมีการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ถูกข่มขู่กรรโชก ถูกรื้อบ้านและท้ายที่สุดต้องอพยพ หรือ โยกย้ายออกจากแผ่นดินถิ่นเกิดที่บรรพบุรุษได้ร่วมกันหักร้างถางพงและตั้งรกรากมาหลายชั่วอายุคน