การเมือง
กก.บห.แห่ลาออกหวังโค่น ‘จุรินทร์’ พ้นหัวหน้า ปชป. ชี้คะแนนนิยมร่วง-สู้พรรคอื่นไม่ได้
วันที่ 12 ธ.ค. 2565 รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า การเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์หลังมีความชัดเจนในกติกาการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยบัตร 2 ใบ หารสูตรคำนวณแบบบัญชีรายชื่อด้วย 100 ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้ เนื่องจากมองว่าตอบโจทย์ทางการเมืองกับพรรคมากกว่ากติกาบัตรใบเดียว อย่างไรก็ตาม มี ส.ส.และแกนนำพรรคจำนวนหนึ่งที่แสดงไม่เชื่อมั่นในตัว จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนปัญหาในการวางตัวผู้สมัครที่ทับซ้อนกันในหลายพื้นที่ จนเกิดภาวะเลือดไหลออก มี ส.ส., อดีต ส.ส.และแกนนำพรรคลาออกจากพรรคไป อีกทั้งการสำรวจคะแนนนิยมของพรรคทั้งโพลสถาบันการศึกษา และโพลของพรรคเองสะท้อนว่า คะแนนนิยมของพรรคยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร หลังจากที่ประสบความล้มเหลวในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ที่ผ่านมาแกนนำและสมาชิกพรรคบางส่วนในพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นตรงกันข้ามกับแนวทางของผู้บริหารพรรคในปัจจุบัน มองว่าสิ่งที่ดำเนินการอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พรรคกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีการเมืองได้อีกครั้ง โดยในพื้นที่ภาคใต้ที่ถือว่าเป็นฐานที่มั่นสำคัญถูกหลายพรรคการเมืองเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ และหลายเขตในหลายจังหวัดก็ไม่มีวี่แววว่าพรรคจะทวงคืนได้สำเร็จในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้แม้แต่ตัว จุรินทร์ เองก็ยังมีคะแนนนิยมน้อยกว่า แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตามการสำรวจของนิด้าโพลด้วยซ้ำ จึงมีแนวคิดเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารพรรคก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่เหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือน
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการล่าชื่อกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้ลาออกจากตำแหน่งให้เกินกึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขในข้อบังคับพรรค กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นทั้งคณะ หากมีกรรมการบริหารว่างลงเกินกึ่งหนึ่งเพื่อนำไปสู่การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยได้มีกรรมการบริหารพรรคลงชื่อเพื่อลาออกจากตำแหน่งใกล้ครบจำนวนกึ่งหนึ่งแล้ว ขาดอีกเพียง 1-2 คนที่กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจเท่านั้น”
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เหตุผลสำคัญที่กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพราะต่างเห็นตรงกันว่า ความนิยมในตัวของ จุรินทร์ โดดเด่นสู้กับหัวหน้าพรรคการเมือง หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่นไม่ได้ หาก จุรินทร์ ยังคงนำพรรคลงเลือกตั้ง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ อีกทั้งในปัจจุบัน ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพรรคประชาธิปัตย์ยังคงให้การสนับสนุน จุรินทร์ อยู่
“กรรมการบริหารพรรคที่เซ็นใบลาออก มองว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้ ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับพรรค แม้จะรู้ถึงเงื่อนไขและความเสี่ยงที่จะตามมาก็ตาม เพราะถ้าล้มเหลว ไม่สามารถเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคได้ ก็ไม่ต่างจากการเป็นกบฏ และคงถูกตอบโต้กลับอย่างรุนแรง เช่น การไม่ส่งลงสมัคร ส.ส. จนหลายคนทำใจล่วงหน้าว่า หากแผนการไม่สำเร็จ อาจต้องย้ายพรรค แต่ทุกคนก็มองว่า ปัญหาความตกต่ำของพรรคตอนนี้ปัจจัยสำคัญก็อยู่ที่ตัวหัวหน้าพรรค ซึ่งมีส่วนสำคัญในการชี้วัดว่าแต่ละคนจะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ หลายคนจึงพร้อมที่จะรับผลที่ตามมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์รายหนึ่ง ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในปัจจุบัน มี จำนวน 34 คน โดยมี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค
รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย
- นราพัฒน์ แก้วทอง
- ไชยยศ จิรเมธากร
- สาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง
- เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา
- องอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- นิพนธ์ บุญญามณี
- สามารถ ราชพลสิทธิ์
- คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
- อลงกรณ์ พลบุตร
- สรรเสริญ สมะลาภา
- อัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
เลขาธิการพรรค
เฉลิมชัย ศรีอ่อน
รองเลขาธิการพรรค
- จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
- ธนา ชีรวินิจ
- พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม
- ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช
เหรัญญิก
- สุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์
นายทะเบียนพรรค
- วิรัช ร่มเย็น
โฆษกพรรค
- ราเมศ รัตนะเชวง
กรรมการบริหารพรรค
1.ขนิษฐา นิภาเกษม
2.กษมา วงศ์ศิร
3.ชวลิต รัตนสุทธิกุล
4.ถนอมศักดิ์ แป๊ะเส้ง
5.ทวีโชค อ๊อกกังวาล
6.เจิมมาศ จึงเลิศศิริ
7.สุพัชรี ธรรมเพชร
8.ผ่องศรี ธาราภูมิ
9.รัชดา ธนาดิเรก
10.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ
11. สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง
12.ฮูวัยดียะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง
ทั้งนี้ ภายหลัง ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ได้ลาออกจากรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และทุกตำแหน่งในพรรคเพื่อรับผิดชอบกรณีทีข่าวฉาวที่ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้มีกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ลาออกเพิ่มในภายหลังคือ กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต ส.ส.กทม.
จากนั้นมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้แต่งตั้งตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคสองคนคือ สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง และฮูวัยดียะ พิศสุวรรณ อุเซ็ง เป็นกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง
ขณะที่ สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อที่ 30 กำหนดในวรรคท้ายว่า “ถ้าตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคว่างลงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดให้ดำเนินการเลือกตั้งใหม่ทั้งคณะภายใน 60 วันนับแต่วันที่กรรมการว่างเกินกว่ากึ่งหนึ่ง”
ดังนั้นถ้ามีกรรมการบริหารพรรคลาออกเกิน 17 คนจะทำให้ต้องมีการล้างไพ่หรือเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ใน 60 วันทันที
