พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีสื่อต่างประเทศรายงานข่าวเรื่องใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนต่อไป โดยเนื้อหาระบุว่า นายธนินท์ เจียรวนนท์ มหาเศรษฐีอดีตประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นผู้มารับตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากเขาประกาศลาออกจากตำแหน่งในซีพีเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เป็นไปได้ยังไง ผมไม่รู้เหมือนกัน"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. จะเสนอให้โหวตนั้น ทางพรรคได้หารือถึงตำแหน่งรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่จะจัดวางหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน ให้เขาคุยกันมา ถ้าเขาคุยกันได้เรื่องอย่างไร กับคนที่ถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ จากนั้นก็ต้องนำมาให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งตนยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็นนายกฯ ใหม่ ขณะที่คิดว่า เขาคงคุยกัน และวันนี่บางพรรคเพิ่งจะประชุมยังไม่ได้ข้อยุติทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องมีชื่อนายธนินท์ เจียรวนนท์ พัวพันกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เว็บไซต์มติชน รายงานว่า เป็นผลจากเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SMCP) สื่อฮ่องกง รายงานเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า นายธนินท์ ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่า 'เจ้าสัวซีพี' นั้น อาจรู้ว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย โดยบทความใช้ชื่อภาษาอังกฤษ: Who will be Thailand’s next prime minister? Billionaire Dhanin Chearavanont of CP Group might have an idea
เนื้อหาข่าวรายงานด้วยว่า การลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการบริษัทของนายธนินท์เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ทำให้เกิดข้อสังเกตในแวดวงธุรกิจและการเมืองไทยว่าเขาอาจจะกำลังเตรียมตัวรับบทบาทสำคัญทางการเมือง แต่ SMCP ระบุว่า ทางซีพีกรุ๊ปได้ส่งหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร โดยยืนยันว่า นายธนินท์ไม่ได้มีความตั้งใจจะเข้าไปมีบทบาททางการเมืองไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดๆ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายศุภชัย เจียรวนนท์ บุตรชายคนที่ 3 ของนายธนินท์ ซึ่งยืนยันว่า การลาออกจากตำแหน่งประธานอาวุโสของนายธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสืบทอดตำแหน่ง (success planning) เพื่อให้เวลากับการพัฒนาบุคลากรในสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์
"ท่านอายุ 80 แล้ว จึงต้องการเปิดทางให้คนรุ่นถัดไปเข้ามาบริหาร ท่านอยากจะไปโฟกัสเรื่องสถาบันผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ดีเลย์มาเรื่อยๆ ส่วนตำแหน่งอื่นที่มีคนพูดกัน ผมเคยถามท่านบอกว่า ท่านทำเป็นแต่เรื่องอุตสาหกรรม เรื่องธุรกิจ ถ้าจะเป็นอย่างอื่น คงไปตั้งแต่อายุห้าสิบแล้ว ไม่ต้องรอไปตอนแปดสิบ" นายศุภชัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :