ไม่พบผลการค้นหา
'ชูวิทย์' หอบเงินสด 6 ล้าน ใส่พานมอบให้ 'ตร.สอบสวนกลาง' ตรวจสอบที่มา

วันที่ 31 มีนาคม ที่กองบังคับการปราบปราม ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำเงินจำนวน 6 ล้านบาท ส่งมอบให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยก่อนคืนเงิน ชูวิทย์ ได้นำผ้าขาวปูที่พื้นพร้อมกับวางของเซ่นไหว้ ประกอบด้วย ไก่ หัวหมู เป็ด ผลไม้ สุราระบุว่า ต้องการจะไหว้สัมภเวสี ตามความเชื่อ จากนั้นจึงเรียงเงินสดที่เป็นธนบัตร 1,000 บาท วางซ้อนกันบนพานสีทอง มูลค่ารวม 6 ล้านบาท

ชูวิทย์ พนมมือขึ้นก่อนกล่าวว่า “ข้าพเจ้า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ขอเซ่นไหว้หมู เห็ด เป็ด ไก่ เหล้า ให้กับสัมภเวสี เงินต่างๆที่นำมา ตนก็รับและนำไปบริจาค แต่ว่ามีวิญญาณเร่ร่อนสัมภเวสี ที่จะมาฉกฉวย แย่งซีน ตัวเองนั้นทำอะไรเปิดเผย” 

จากนั้น ชูวิทย์ ได้แสดงเอกสารหลักฐานการบริจาคเงิน ที่เริ่มต้นรับมาเป็นเงินสด จากนั้น นำไปซื้อแคชเชียร์เช็ค บริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราช 3 ล้านบาท และนำเงินอีก 3 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ทั้งหมดทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ผ่านเข้าบัญชีตนเอง รวมทั้งใบเสร็จหลังการทำบุญ ตนก็ไม่เคยนำไปลดหย่อนภาษีใดๆ

ชูวิทย์.jpg

สำหรับความสัมพันธ์ของสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวอาวุโสของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง และ แทนไท ณรงค์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทไททัน แคปปิตอลกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ทั้งสองมีการพบกัน โดยการประสานของ พล.ต.อ. ช ช้าง โดยการพบกันครั้งนั้น สนธิ ว่ากล่าวตำหนิ แทนไท เรื่องการทำพนันออนไลน์

ส่วนตัวมองว่า การกระทำดังกล่าวไม่มีความสมเหตุสมผลและคาดว่าจะเป็นการทำเพื่อวัตถุประสงค์อย่างอื่นส่วนตัวอยากให้ทุกคนได้เข้าใจว่าถ้าเป็นสื่อใหญ่และเรียก แทนไท เข้ามาตำหนินั้นไม่ใช่หน้าที่ของสื่อ สำหรับพฤติการณ์ของ สนธิ เป็นแบบนี้มาโดยตลอด

ชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ที่ตนมากองปราบฯ ก็เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดตนยินดีที่จะคืนกลับไปยังต้นทาง ซึ่งเงินนี้เป็นเงินที่ผู้ที่ให้ตั้งใจจะทำบุญอยู่แล้ว ในส่วนช่องว่างที่เงินมาค้างอยู่กับตนระยะหนึ่งก่อนบริจาคนั้นเป็นเพราะการเดินทางไปบริจาคไม่สามารถที่จะทำได้ทันทีต้องนัดหมายล่วงหน้าก่อนที่จะไปบริจาคให้โรงพยาบาล

ชูวิทย์.jpg

“เงินก็คือเงิน แต่ถ้าถามว่าที่มาของเงิน นำมาจากไหน ต้องไปถามที่นายพล ป.ปลา ทั้งนี้ ยืนยันว่าเงินก้อนนี้มันไม่ใช่การขู่เข็ญ ไม่ได้ให้ในที่หลบซ่อน ออฟฟิศตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ให้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ขณะนั้น ตนอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี พักผ่อนอยู่ ซึ่งติดต่อมาว่าอยากจะทำบุญ จนกระทั่งต้นปี 2566 ผู้ที่นำเงินมาติดต่ออยากจะทำธุรกิจอาบอบนวด อยากปรึกษาตนเพราะมีความรู้เรื่องนี้” ชูวิทย์ กล่าว

ประเด็นการนำเรื่องที่ดินของตนไปเปรียบเทียบกับที่ดินเขากระโดง ก็เป็นคนละประเด็นกัน การที่ตนพูดว่าจะให้หรือบริจาค ก็เป็นคนละประเด็น ตอนนี้ตนจะนำไปสร้างตึก และด้านหน้าทำเป็นสวน ก็เป็นไปได้ทั้งหมด นั่นคือสิทธิของตนเอง เรื่องที่ดิน ยืนยันที่จะสู้ต่อไป

เงินก้อนนี้เป็นเพียงเศษเงิน แต่สำหรับบางคนอาจจะมองว่า สามารถนำไปบำรุงบำเรอได้ หลังมีข่าวเงินก้อนนี้ว่าจะต้องนำมาส่งมอบคืนเจ้าของเงินเอง ก็รู้สึกเสียใจ 

ชูวิทย์ กล่าวว่า ค่าเสี่ยงภัย 300,000 บาท กรณีของทนายคนหนึ่งที่ออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ ตนอยากถามย้อนกลับไปว่า วิชาทนายความต้องมีค่าเสี่ยงภัยด้วยหรือไม่

หลังชูวิทย์แถลงข่าว ได้นำเงินสด ใส่กระเป๋าและเดินทางพร้อมกับพล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม ขึ้นไปบนอาคารกองบังคับการปราบปราม