พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า วันนี้ (18 ต.ค.) ทราบดีว่าทุกคนเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมือง และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ทราบว่าสภาผู้แทนราษฎร จะมีการหารือเรื่องการเปิดสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งรัฐบาลมีแนวคิดนี้อยู่แล้ว เพื่อให้เกิดการทำความเข้าใจกันในสภา รัฐบาลจำเป็นต้องทำหน้าที่ตรงนี้ ไม่ได้ทำตามแรงกดดันของใคร เพราะรัฐบาลมีแนวคิดแบบนี้อยู่แล้ว เพื่อจะได้เอาข้อเท็จจริงมาพูดกันในสภา เป็นกลไกลของรัฐสภา ซึ่งมี 2 วิธี คือ 1.ประธานสภา ในการเปิดสภา 2.รัฐบาล ซึ่งยืนยันจะให้มีการเปิดสภาสมัยวิสามัญ เอาข้อเท็จจริงมาพูดจากันดีกว่าจะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดเพียงฝ่ายเดียว เพื่อลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด วันนี้ประเทศไทยมีหลายปัญหา รัฐบาลจำเป็นต้องมีบทบาทนำในเรื่องเหล่านี้ และยินดีที่จะใช้กลไกลของรัฐสภา โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ต.ค.) จะเข้าหารือในที่ประชุม ครม.
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ไม่มีการขยายพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามประนีประนอมมากที่สุดแล้ว ขอเพียงไม่กี่อย่าง คือ อย่ากระทำความผิด ทำลายทรัพย์สินประชาชน สำคัญที่สุดระมัดระวังอย่าให้มีการกระทบกระทั่งกันในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะวานนี้ (18 ต.ค.) มีเหตุทะเลาะกันและตีกันเอง ก็ขอให้ระมัดระวังมากที่สุด และสำคัญที่สุดรัฐบาลจำเป็นต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน พร้อมขอร้องชุมนุมด้วยความสงบ ขณะที่รัฐบาลก็ได้ผ่อนคลาย และหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง จึงขออย่าสร้างสถานการณ์ไปถึงจุดนั้น
ส่วนที่มีบางฝ่ายเปรียบเทียบ มาตรการคำสั่งสลายการชุมนุมและประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของกลุ่มพันธมิตร และกลุ่ม กปปส. นายกรัฐมนตรี ย้อนกลับว่า เป็นคนละเรื่อง คนละรัฐบาล อย่ามาถามรัฐบาลของตน
ส่วนการประกาศเคอร์ฟิว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ยังไม่พูดถึงอะไรสักอย่าง ตอนนี้ไม่มีๆ ถามให้มีอยู่ได้"
'วิษณุ' ชี้ไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-เคอร์ฟิว
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุ ยังไม่จำเป็นต้องประกาศขยายพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เพราะทั่วประเทศมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ทับซ้อนอยู่ เช่นเดียวกับไม่มีเหตุที่จะต้องประกาศเคอร์ฟิวท่ามกลางความเคลื่อนไหวของมวลชน ซึ่งไม่ทราบว่าในส่วนของ กทม.จะมีประกาศอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลไม่ได้มีการห้ามการชุมนุมแต่อย่างใด
วิษณุ ยังระบุ ไม่ทราบเรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ แต่ย้ำว่า ม.122 เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีเสนอขึ้นเปิดสมัยการประชุมไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวและไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน เช่นเดียวกับการเปิด-ปิดสภาที่หากพระราชกฤษฎีกาต้องผ่านที่ประชุม ครม.ยกเว้นกรณีการยุบสภา