ไม่พบผลการค้นหา
เลขาฯ สมช. เผยที่ประชุมเตรียมถกกรณีต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.) เห็นใจผู้ประกอบการธุรกิจบันเทิง วอนคำนึงถึงความสุ่มเสี่ยงการระบาดระลอก 2

พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อโควิด-19 เปิดเผยว่า หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 2 ให้สามารถดำเนินกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในเกณฑ์ปานกลาง แต่มีผลทางเศรษฐกิจและสังคม และจะประเมินผลก่อนที่จะนำไปสู่การพิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะ 3 ต่อไป โดยคาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ช่วงใกล้ครบเวลา 14 วันหลังผ่อนคลาย

ดังนั้น การผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 อาจจะใช้ได้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะต้องพิจารณาให้อยู่ในเกณฑ์เรื่องความปลอดภัยตามหลักของกระทรวงสาธารณสุข ควบคู่ไปกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหลักคิดตั้งแต่เริ่มต้นในการผ่อนปรนมาตรการ และต้องรอฟังความเห็นจากทางกระทรวงสาธารณสุข ประกอบกันด้วย

นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาควบคู่ไปกับเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ ที่จะครบกำหนดใช้ในวันที่ 31 พ.ค. โดยจะต้องมีความสอดคล้องกันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ สมช.จะประชุมวันที่ 21 พ.ค. เวลา 11.00 น. ว่าจะมีการจะขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ โดยคาดว่าจะได้ผลสรุปเบื้องต้น จากนั้นจะเสนอตามขั้นตอน โดยเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ และ ครม.พิจารณา ทั้งการผ่อนปรนระยะที่ 3 และการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาการผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 1 และ 2 พบว่าประชาชนมีความเคร่งครัดและให้ความร่วมมือ ส่งผลให้ตัวเลขการติดเชื้อภายในประเทศ และการปฎิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาด ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่สิ่งที่กังวลคือการติดเชื้อจากภายนอกประเทศ ที่ต้องหามาตรการและแนวทางที่เหมาะสมรองรับก่อนที่จะมีการทยอยเปิดให้เดินทางระหว่างประเทศ 

ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบกิจการบางประเภท อาทิ นวดแผนโบราณ รวมถึงสถานบันเทิง ผับ บาร์ ที่เรียกร้องขอให้มีการผ่อนปรนนั้น พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีความรู้สึกเห็นใจในทุกกิจการ กิจกรรม ซึ่งตนก็รับฟัง แต่จะต้องมีการพิจารณาเพื่อหาแนวทางต่าง ๆ โดยปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ และอยู่ภายใต้หลักการ ที่จะต้องป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้น เพราะจะมีผลทำให้การป้องกันลำบากมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้ประกอบการต้องมีแนวทางและปรับตัวการประกอบธุรกิจของตัวเองด้วย