ไม่พบผลการค้นหา
นิด้าโพล เผยผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่ สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไม่กังวลอาจเกิดการละเมิดสิทธิถูกใช้เครื่องมือการเมือง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนที่ใช้สื่อออนไลน์เรื่องข่าวปลอม (เฟคนิวส์) โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14 –16 ส.ค.จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 1,522 คน เกี่ยวกับการหลงเชื่อการกระทำกับเฟคนิวส์ที่ได้รับจากสื่อออนไลน์ ความคิดเห็น และความกังวลต่อการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) พบว่า เมื่อถามว่าเคยหลงเชื่อในเฟคนิวส์ที่ได้รับจากสื่อออนไลน์หรือไม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 61.23 ระบุว่า ไม่เคยหลงเชื่อในข่าวปลอม รองลงมา ร้อยละ 27.59 ระบุว่า เคยหลงเชื่อในข่าวปลอม และร้อยละ 11.18 ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวปลอมหรือไม่  

เมื่อถามผู้ที่เคยหลงเชื่อและไม่แน่ใจว่าเป็นเฟคนิวส์จากสื่อออนไลน์ ว่ากระทำอย่างไรกับเฟคนิวส์ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.09 ระบุว่า ไม่เคยแชร์ข่าวใด ๆ รองลงมาร้อยละ 24.42 ระบุว่า รู้ว่าเป็นข่าวปลอมและไม่แชร์ ร้อยละ 19.07 ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวปลอมหรือไม่ จึงไม่แชร์ ร้อยละ 9.77 ระบุว่า เฉย ๆ เมื่อรู้ว่าข่าวที่แชร์ไปเป็นข่าวปลอม ร้อยละ 6.28 ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวปลอมหรือไม่ แต่แชร์ ร้อยละ 4.88 ระบุว่าไม่รู้ว่าเป็นข่าวปลอมและแชร์ ร้อยละ 3.49 ระบุว่า รู้ว่าเป็นข่าวปลอม แต่แชร์ ร้อยละ 0.70 ระบุว่า เคยทำข่าวปลอมและแชร์ ร้อยละ 0.47 ระบุว่า พยายามแก้ปัญหาเมื่อรู้ว่าข่าวที่แชร์ไปเป็นข่าวปลอม

เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม โดยสำรวจความคิดเห็นจากผู้ที่ระบุว่าเคยหลงเชื่อและไม่แน่ใจว่าเป็นเฟคนิวส์จากสื่อออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 86.98 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะจะได้มีการกลั่นกรองข่าวก่อนที่จะแพร่หลายไปวงกว้าง เพราะสมัยนี้มีสื่อออนไลน์เกือบทุกคน จะได้มีการเกรงกลัวและไม่แชร์ข่าวปลอม รองลงมา ร้อยละ 8.14 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะควรใช้วิธีอื่นดีกว่า เช่น การสร้างจิตสำนึกหรือให้ความรู้ แต่การจัดตั้งศูนย์ฯ อาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากเกินไปและควรให้องค์กรอิสระเข้ามาจัดการมากกว่า และร้อยละ 4.88 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และ

เมื่อถามถึงความกังวลเกี่ยวกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมที่อาจจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 28.84 ระบุว่า ไม่มีความกังวลเลย รองลงมา ร้อยละ 28.14 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความกังวล ร้อยละ 27.91 ระบุว่า ค่อนข้างมีความกังวล ร้อยละ 10.00 ระบุว่า มีความกังวลมาก และร้อยละ 5.11 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ