ไม่พบผลการค้นหา
'สุทิน' ชี้ 'เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่' คือสารตั้งต้นของการอดอาหารประท้วง สภาฯ ยอมรับข้อเรียกร้อง 'ตะวัน-แบม' มีเหตุผล แต่รัฐบาลชูความสงบ แต่ละเลยสิทธิเสรีภาพประชาชน ย้ำอำนาจบริหารเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตัดกำลังศัตรูการเมือง

วันที่ 1 ก.พ. 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 25 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) วาระพิจารณาญัตติด่วนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อแก้ปัญหากระบวนการยุติธรรมบังคับใช้อำนาจอย่างล้นเกิน สืบเนื่องจากการอดอาหารประท้วงของ ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงศ์ 2 เยาวชนนักกิจกรรมทางการเมือง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีมาตรา 112

สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายสรุปเป็นคนสุดท้ายว่า วันนี้เป็นอีกวันที่สภาฯ ทำหน้าที่เป็นทางออกให้กับปัญหาของสังคม แต่ไม่อยากให้การพูดจาในวันนี้เป็นเพียงพิธีกรรม แสดงออกให้กลุ่มผู้เรียกร้องสบายใจเท่านั้น แต่อยากให้เกิดผลทางปฏิบัติได้จริง ปัญหาดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาโลกแตกที่แก้ไม่ได้ ชีวิตเด็กสองคนไม่ใช่ทางตัน ส่วนข้อเรียกร้องนั้น ควรนำมาคิดว่าเป็นคุณค่าด้วย

สุทิน กล่าวต่อว่า ตนไม่เชื่อว่าสภาต้องไปเอาอกเอาใจใคร ไม่ใช่ว่ามีคนเกเรลุกขึ้นประท้วงแล้วต้องเอาใจทุกอย่าง แต่จากที่ฟังเพื่อนสมาชิกอภิปรายทั้งสภาฯ วันนี้เชื่อว่าเห็นตรงกันเพราะมีเหตุผลการอดข้าวประท้วงมีเป้าหมายชัดเจน และเป้าหมายนั้นมีประโยชน์ตรงใจสังคมไม่น้อย แม้ว่าสังคมจะไม่ได้ออกมาเรียกร้อง 

สุทิน ระบุว่า พรรคเพื่อไทยแสดงออกชัดเจนว่าเคารพในเจตนารมณ์ของผู้เรียกร้อง โดยไม่ต้องเอาอกเอาใจใคร และมองว่าการปฏิรูปไม่ได้เสียหาย แต่หากไม่ปฏิรูปสิจะเสียหาย รวมถึงการเรียกร้องให้ยกเลิก มาตรา 116 และ 112 ตนก็คิดว่ามีเหตุผล

"อะไรที่ทำได้ เราก็บอกว่าทำได้ อะไรที่ทำได้แต่มันยังไม่ใช่เวลา เราต้องทำความเข้าใจกับคนในชาติ เราก็อธิบายกับเขาไป ส่วนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและให้สิทธิประกันตัวนั้น เราเห็นด้วยอย่างยิ่ง"

สุทิน อภิปรายต่อไปว่า ข้อเรียกร้องทั้ง 3 นั้นเกี่ยวข้องกับคณะผู้พิพากษาตุลาการ รัฐบาล และทุกพรรคการเมือง กลุ่มคนเหล่านี้ต้องใส่ใจฟัง แต่ตนคิดว่าสารตั้งต้นของปัญหาที่แท้จริง คือคำว่า 'เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่'

"นั่นหมายความว่ารัฐบาลชุดนี้ไปหาเสียงแล้วว่า เลือกความ สงบจบที่ลุงตู่ คำว่าเอาอยู่ก็คือเป้าหมายและความกระหยิ่มยิ้มย่องของรัฐบาลชุดนี้เพราะคุณชูความสงบแล้วต้องจบที่ลุงตู่ด้วย และเอาอยู่ด้วย จึงทำทุกอย่างเพื่อให้สงบ ทุกอย่างที่ว่านั้นผมเชื่อว่ามีการใช้อำนาจบริหารแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม กำจัดตัดกำลังคู่ต่อสู้ของรัฐบาล"

สุทิน ชี้ว่า แนวคิดดังกล่าวนำมาสู่ปัญหาวันนี้ที่กระบวนการยุติธรรมให้คำตอบไม่ได้ว่าไปถอนประกันเด็กทำไม ไม่มีการไต่สวนไม่มีเหตุผลอื่นเลย ท่านตอบไม่ได้จะให้ตนเชื่อได้อย่างไร มันมาจากความสงบ จบที่รัฐบาลชุดนี้หรือเปล่า

วันนี้จากที่ได้ฟังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงเป็นคำพูดลอย ๆ ยังไม่มีหลักประกันว่าจะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมได้ หรือตะช่วยชีวิตเด็กได้อย่างไร ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 และมาตรา 116 ก็มีพูดอยู่เพียง 2 พรรค จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนว่าการเอาคงามสงบมาก่อนแต่ไม่ใส่ใจสิทธิเสรีภาพของประชาชน เมื่อ 3 ข้อเรียกร้องไม่เกิด เด็กก็ต้องเสียชีวิต

"เมื่อเด็กเสียชีวิต แล้วอะไรตามมา ความสงบที่คุณคิด คุณคิดผิดความสงบที่ถูกต้องคือกระบวนการยุติธรรมที่เที่ยงธรรม ทุกคนยอมรับ ประชาธิปไตยสมบูรณ์และความสงบที่ดีที่สุดก็คือทุกคนในประเทศไทยเข้าใจซึ่งกันและกัน ยอมรับกติการ่วมกัน ไม่ใช่ความสงบที่คุณเอาอาวุธที่มีมากดทุกคน" สุทิน กล่าว