ไม่พบผลการค้นหา
มาอีกแล้วววว... บทความดราม่าว่าด้วยละครเลือดข้นคนรักลูกไม่เท่ากันหรืออะไรนี่แหละ ถามกันมามากเหลือเกินว่าครอบครัวจีนมันเป็นอย่างงั้นงี้งู้นจริงๆ เหรอ ทำไมลำเอียง ทำไมโลกมันช่างไม่เป็นธรรมกับลูกผู้หญิงเลย ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

ดราม่าขั้นสุดและอินจัดมากทุกคน จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแต่ละคนแต่ละคนนี่อยู่อาศัยในเมืองไทยใหญ่อุดมที่ซึ่งมีประชากรเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นชนกลุ่มน้อยขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมายาวนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ไปกินข้าวเยาวราชมากี่หนละ เพื่อนสมัยเรียน คนข้างบ้าน หรือแม้กระทั่งบรรพชนของตัวเองนี้ไม่มีคนเชื้อสายจีนเลยซักคนหรือนี่ ถึงต้องรอให้เขาเอามาทำเป็นละครเสียก่อนถึงจะได้ตื่นตระหนกอยากรู้ขึ้นมาอย่างกะทันหันและจำเป็นเร่งด่วน

โอเค... ทำใจร่มๆ และตั้งสมาธิดีๆ เดี๋ยวเจ้จะอธิบายให้ฟังค่ะ รับรองว่าม้วนเดียวจบครบทุกประเด็นแล้วจะได้ไม่ต้องมาดราม่ากันต่อให้มันยืดยาว

ว่าด้วยระบบครอบครัวจีนค่ะ...

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าพื้นฐานอารยธรรมจีนนั้นมาจากแม่น้ำเหลืองและเป็นสังคมเกษตร หมายความว่าต้องอาศัยแรงงานมาก เพราะอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหมดต้องมาจากการเพาะปลูกหรือสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งสิ้น ช่วยเข้าใจกันด้วยว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาลนี่เขาไม่มีร้านสะดวกซื้อเปิด 24 ชั่วโมงนะคะ ดังนั้น ในจักรวาลแห่งอารยธรรมจีนนั้น หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการแต่งงานและมีลูกเพื่อสร้างแรงงานมาช่วยกันทำมาหากินต่อไป แปลว่ามนุษย์ทุกคนต้องแต่งงาน และแต่งงานแล้วต้องมีลูก ผิดจากนี้ถือเป็นบาปทั้งหมดตามแนวทางแห่งการบูชาบรรพชนซึ่งเป็นศาสนาพื้นฐานแห่งอารยธรรมจีน ไม่ต้องมาเรียกร้องว่าเป็น LGBTIQ…XYZ อะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องมาต่อรองเรื่องการประพฤติพรหมจรรย์ อันนั้นเป็นของพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และไม่ต้องฝันถึงเรื่องการคุมกำเนิดเลย เพราะนั่นถือว่า un-Chinese มากๆ ถ้าเกิดเป็นคนแล้วก็มีหน้าที่ต้องแต่งงานมีลูกโดยไม่มีข้อแม้ (ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยที่จีนครองตำแหน่งประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกมายาวนาน)

21-9-2561 12-06-36.jpg

ทีนี้เมื่อจักรวาลตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าทุกคนต้องแต่งงานและทุกคนต้องมีลูกเนี่ย การจัดการสินทรัพย์มรดกก็เลยตกลงกันว่าในเมื่อจีนเป็นสังคมแบบแต่งเข้าบ้านผู้ชาย มรดกก็จะให้เฉพาะลูกหลานผู้ชายก็แล้วกัน เพราะเดี๋ยวลูกหลานผู้หญิงก็ต้องแต่งงานไปอยู่บ้านอื่นแล้วก็ให้ไปใช้สินทรัพย์ของผัวและบ้านผัวก็แล้วกัน ด้วยเหตุนี้โดยพื้นฐานแล้วในวัฒนธรรมจีนไม่ถือว่าลูกสาวเป็นสมาชิกของครอบครัวพ่อตัวเอง ถือว่าเกิดมาให้เลี้ยงดูจนโตแล้วก็แต่งงานไปอยู่บ้านคนอื่น ผู้หญิงย่อมเป็นสมาชิกของครอบครัวสามีค่ะ 

เรื่องการจัดการมรดกมันจะมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นนิดหน่อยตรงที่ในวัฒนธรรมจีนนั้นต่างจากญี่ปุ่นและหลายๆ วัฒนธรรมในโลกตะวันตกซึ่งจะยกสินทรัพย์มรดกให้แก่ลูกชายคนโตเพียงคนเดียวแล้วให้ลูกคนอื่นๆ ไปหากินเอาเอง แต่ในกรณีจีนนั้นจะแบ่งสินทรัพย์ให้ลูกชายทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน มันก็เลยจะนำไปสู่ปัญหาของการที่สินทรัพย์ของครอบครัวอาจจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ถ้าแบ่งกันมาเรื่อยๆ ทุกรุ่นและทุกรุ่นก็ล้วนแล้วแต่แข่งกันมีลูกชายเยอะๆ ทั้งสิ้น ก็เลยต้องคิดระบบ 'กงสี' ขึ้นมา 

'กงสี' ในตัวศัพท์คำนี้ก็แปลว่า 'บริษัท' นั่นแหละ ระบบกงสีในบริบทของครอบครัวจีนก็คือการบริหารสินทรัพย์ของครอบครัวเหมือนบริษัท กล่าวคือ เอาสินทรัพย์ของทั้งครอบครัวมากองรวมกันแล้วแบ่งให้สมาชิกเพศชายทุกคนในลักษณะของหุ้น ครอบครัวมีที่ดินเท่าไหร่ มีเงินเท่าไหร่ มีธุรกิจกี่อย่าง ฯลฯ ก็เอามาบริหารร่วมกันโดยให้สมาชิกครอบครัวเพศชายที่อายุมากที่สุดเป็น CEO แล้วสมาชิกเพศชายที่เหลือก็เป็นผู้ถือหุ้นมากน้อยลดหลั่นกันไปตามแต่ใครรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก แล้วพอการบริหารสินทรัพย์ของครอบครัวมีกำไรขึ้นมาก็จะเอามาแบ่งให้ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นของแต่ละคน 

สมาชิกครอบครัวเพศหญิงก็จะใช้ทรัพยากรของครอบครัวได้ผ่านทางผู้ชายที่ตัวเองเชื่อมโยงด้วย อันได้แก่ ผัวและลูกชาย ดังนั้นลูกสะใภ้จะเลื่อนฐานะของตัวเองในครอบครัวผัวได้ด้วยการมีลูกชาย เพราะการมีลูกชายหมายถึงสายนั้นของตระกูลย่อมมีจำนวนผู้ถือหุ้นเพิ่ม แต่ถ้ามีลูกสาวก็คือไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นมา เพราะแค่เลี้ยงเสียข้าวสุกไป ถึงเวลาออกเรือนก็ไปอยู่บ้านคนอื่นแล้ว ลูกสาวไม่มีสิทธิในสินทรัพย์ของครอบครัวบิดาแต่ประการใด ถือว่าแค่เลี้ยงให้โตพอที่จะออกเรือนไปอยู่ในครอบครัวที่แท้จริงของตัวเองคือครอบครัวผัวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่แม่ในวัฒนธรรมจีนมักรักลูกชายมากกว่าลูกสาว เพราะลูกชายทำให้สถานภาพของแม่ในครอบครัวขยายดีขึ้นเพราะทำให้แม่มีผู้ชายซึ่งถือหุ้นในกงสี เป็นช่องทางให้แม่ได้ใช้เงินกงสีเพิ่มขึ้นจากเดิม ในขณะที่ลูกสาวไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้แม่ได้ในลักษณะนี้ 

เป็นลูกสาวในครอบครัวจีนมันลำบากมากจริงๆ ถ้าบังเอิญเกิดตายก่อนได้มีผัวนี่ก็เรื่องใหญ่เลยนะ เพราะจะไม่มีที่วางป้ายวิญญาณ เพราะเขาเชื่อว่าถ้าเอาป้ายวิญญาณลูกสาวไปวางที่แท่นบูชาบรรพชนของครอบครัวก็จะเกิดความฉิบหาย เพราะบรรพชนจะไม่ยอมรับและถือเป็นตัวน่ารังเกียจ เพราะลูกสาวควรเป็นสมาชิกของครอบครัวผัว ถ้าเกิดตายโดยไม่มีผัวก็ต้องไปเป็นผีเร่ร่อน หรือถ้าครอบครัวจะเลี้ยงไว้ก็ต้องเอาป้ายวิญญาณไปแอบไว้ที่ลับตาคนจำพวกหลังประตูหรือใต้บันไดแล้วแอบเอาของให้เหมือนไหว้ผี ไม่มีสิทธิเอามารวมอยู่กับบรรพชนเวลาไหว้เจ้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ 99 เปอร์เซ็นต์ ของผีในวัฒนธรรมจีนเป็นผู้หญิง และมักจะเป็นผู้หญิงสาวด้วย เพราะโดยมากคือพวกที่ตายโดยที่ยังไม่ทันได้มีผัว

และแม้จะได้มีผัวกะเขาแล้ว สะใภ้จีนก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารมาก เพราะแต่งงานเข้าไปทีแรกก็จะถูกมองว่าเป็นภาระ มาร่วมใช้สินทรัพย์ของกงสี ต่อเมื่อมีลูกชายแล้วจึงจะได้รับการยกย่องนับหน้าถือตามากขึ้นมาหน่อย แต่ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่ผัวโดยปราศจากข้อแม้ไปชั่วชีวิต 

สะใภ้จีนมีทางเลือก 3 ทางที่จะเอาชนะเกมครอบครัวนี้ได้ คือ

(1) ฆ่าตัวตาย ซึ่งโหดมาก แต่บ้านไหนมีสะใภ้ฆ่าตัวตายจะถือเป็นความซวยมาก นอกจากผีสะใภ้อาจจะตามหลอกหลอนแล้วยังจะเกิดปัญหาในการหาผู้หญิงมาแต่งงานกับสมาชิกครอบครัวเพศชายได้อีก คือถึงคนจีนจะไม่ค่อยรักลูกสาวแต่ถ้าเขาได้ข่าวว่าบ้านไหนทารุณสะใภ้มากจนมีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น เขาก็คงจะขอเลือกไปยกลูกสาวให้บ้านอื่นดีกว่าจะต้องตามมาทำศพลูกสาวในภายหลัง

(2) ต้องไม่ยอมตาย อันนี้เป็นการต่อสู้โดยวิธีธรรมชาติ กล่าวคือ โดยทั่วไปแล้วผู้ชายมีอายุขัยสั้นกว่าผู้หญิง ดังนั้นสมาชิกครอบครัวเพศชายที่อายุมากที่สุดซึ่งเป็น CEO ของกงสีนั้นมักจะยังมีแม่ผู้แก่ชราที่ตัวเองจะต้องเกรงใจ ในขณะที่พ่อซึ่งเป็น CEO มาก่อนนั้นตายไปก่อนแม่นานมากแล้ว สรุปคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านจริงๆ แล้วไม่ใช่สมาชิกครอบครัวเพศชายที่อายุมากที่สุดแต่คือแม่ของสมาชิกท่านนั้นต่างหาก ดังนั้นสะใภ้จะชนะในเกมนี้ได้ก็ต้องทนอยู่ไปจนแก่เฒ่าและได้เป็นแม่ CEO ค่ะ

(3) สะใภ้อาจเป่าหูผัวให้ขอแยกบ้านออกไป คือขอลาออกและถอนหุ้นส่วนของตัวเองออกจากกงสี เพื่อไปตั้งกงสีใหม่ที่ตัวเองเป็นหัวหน้า ถ้าทำสำเร็จ สะใภ้ก็จะได้เลื่อนขั้นจากการเป็นสะใภ้ของกงสีใหญ่มาเป็นเมีย CEO ของกงสีเล็กที่มีเพียงครอบครัวเล็กๆ ของเรากับผัวเท่านั้น ข้อ 3 นี้นับว่าเป็นอันตรายกับระบบครอบครัวจีนมาก เพราะถ้าสะใภ้ทุกคนทำอย่างงี้กันหมด ระบบกงสีก็จะล่มสลายไป

จะเห็นได้ว่าในข้อนี้สะใภ้นับเป็น weakest link ในสมการนี้จึงไม่แปลกที่สะใภ้จีนมักถูกจับตามอง ควบคุม และโขกสับจากแม่ผัวอยู่เป็นนิจ จนกลายเป็นธีมหลักของนิยายน้ำเน่าจีนไปแล้ว ก็แม่ผัวฝันอยากจะเป็นแม่ CEO มาก่อนนี่คะ จะยอมให้สะใภ้มาฉกลูกออกไปจากกงสีง่ายๆ ได้ยังไง และที่สำคัญกว่านั้นก็คือแม่ผัวก็เคยเป็นลูกสะใภ้มาก่อนและโดนจิกหัวโขกสับมาก่อนเป็นสิบๆ ปี นอกจากจะรู้ถึงระบบคิดของสะใภ้ด้วยกันดีที่สุดแล้ว ยังมักรู้สึกอยากเอาคืนที่ตัวเองเคยโดนมาจากแม่ผัวรุ่นก่อนด้วยเช่นกัน

อ่านมาถึงตรงนี้ บรรดาแฟนคลับและทีมภัสสรช่วยเข้าใจให้ตรงกันด้วยนะคะ คือลูกสาวอ่ะค่ะ ไม่มีสิทธินะคะ ถ้าจะเรียกร้องเอาสมบัติต้องไปเอากับบ้านผัวค่ะ บ้านพ่อแม่นี้ไม่ถือเป็นครอบครัวของคุณนะคะ ไม่ต้องมาเรียกร้องดราม่าอะไรเยอะ เท่าที่เขาให้มาก็เยอะมากเกินปกติแล้วค่ะ

21-9-2561 12-02-41.jpg

อย่างไรก็ดี การที่ครอบครัวเชื้อสายจีนในเมืองไทยใหญ่อุดมของเราอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนครอบครัวในทีวีหรือเป็นไปตามระบบครอบครัวจีนแบบที่อธิบายมาข้างต้นทั้งหมดก็น่าจะเป็นเพราะบรรพชนชาวจีนของเราหลายๆ ครอบครัวเข้ามาแต่งงานกับชาวพื้นเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับลูกสาวมาก 

หลายวัฒนธรรมมีการแต่งเข้าบ้านผู้หญิงและสืบสายโลหิตทางฝั่งแม่ด้วย ทีนี้กลับไปที่ธรรมชาติแห่งการที่ผู้หญิงมีอายุขัยยาวนานกว่าผู้ชายก็เลยทำให้โดยส่วนใหญ่แล้วเมียที่เป็นคนพื้นเมืองตายทีหลังผัวที่เป็นจีนอพยพ แล้วก็เลยถือโอกาสแบ่งมรดกให้ลูกสาวบ้างตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวพื้นเมืองบางกลุ่ม

ระบบครอบครัวและวัฒนธรรมการบูชาบรรพชนแบบจีนในสังคมไทยก็เลยอาจจะมีความเพี้ยนๆ ไปบ้างเพราะมีการผสมผสานกับความเป็นพื้นถิ่นไทบ้านน่ารักๆ ด้วยประการฉะนี้แหละค่ะ

“อย่าบอกโรซี่”
คนทำงานวิชาการด้านประวัติศาสตร์จีน และจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างจีนไทย และประเทศใหญ่น้อย
0Article
0Video
0Blog