นายภาณุ ตรัยเวช ผู้้เขียนหนังสือ 'ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง' กล่าวถึงสาธารณรัฐไวมาร์ หรือเยอรมนียุคหลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 กับวาทกรรม ‘อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ มาจากการเลือกตั้ง’ ว่าเป็นมายาคติในสังคมที่ไม่รู้เท่าทันการครอบงำทางความคิด เพราะฮิตเลอร์มาจากการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม จึงถือว่ามาหรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยก็ได้ แต่อยากให้ทุกคนได้อ่านหนังสือที่จะอธิบายสภาพสังคมและเงื่อนไขยุคนั้นที่ทำให้สาธารณชนสนับสนุนการครองอำนาจของฮิตเลอร์
โดยเฉพาะเมื่อคนในสังคมมองว่าเสรีภาพ สร้างปัญหาและความขัดแย้ง มักเรียกร้องต้องการผู้เผด็จการที่มีอำนาจเด็ดขาดมาควบคุม หรือกำหนดว่าสิ่งไหนคนในสังคมควรชอบหรือไม่ควรชอบ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ระบอบเผด็จการยังดำรงอยู่ในโลกจนปัจจุบัน
( ภาณุ ตรัยเวช ผู้้เขียนหนังสือ 'ในสาธารณรัฐไวมาร์ ฮิตเลอร์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง' )
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เขียนหนังสือ 'เผด็จการวิทยา' กล่าวว่า วาทกรรมจำนวนมากของฝ่ายอนุรักษ์นิยมไทย ใช้คุณค่าสังคมเก่ามาช่วงชิงและดึงดูดคน รวมถึงมีลักษณะก้าวหน้ามากกว่าฝ่ายประชาธิปไตย ที่มักอิงกับหลักเกณฑ์ความเป็นสากลหรือรูปแบบตามหลักการ
ส่วนคำว่า "เผด็จการ" นั้น เป็นระบอบการเมือง ที่ไม่มีการเลือกตั้ง ไม่มีฝ่ายค้านในรัฐสภา และ "อำนาจนิยม" ก็คือรูปแบบการใช้อำนาจที่มีปัญหา ไร้การตรวจสอบ ซึ่งแม้ทุกระบอบการเมืองมีการใช้อำนาจ แต่หากเป็นระบอบประชาธิปไตยจะมีการตรวจสอบด้วย
( ผศ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ผู้เขียนหนังสือ 'เผด็จการวิทยา' ชี้ว่า ในสังคมเผด็จการเบ็ดเสร็จ จะเปลี่ยนธรรมชาติของคนในสังคมให้อยู่ในกรอบที่ผู้มีอำนาจกำหนดผ่านวัฒนธรรมด้านต่างๆ รวมถึงการร้องเพลงด้วย ซึ่งวัฒนธรรมของผู้มีอำนาจและคนในสังคม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เผด็จการดำรงอยู่
อย่างไรก็ตาม ทั้งระบอบเผด็จการและประชาธิปไตย ต่างเกิดในยุครัฐสมัยใหม่ หรือเป็นทฤษฎีการเมืองสมัยใหม่เช่นเดียวกัน หากสังคมเห็นว่าประชาธิปไตยที่ถือเอาเสรีภาพเป็นหัวใจสำคัญนั้นมีปัญหาอยู่บ้าง ก็ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ควรหันหลังให้ประชาธิปไตยและเรียกร้องระบอบเผด็จการ ที่ใช้อำนาจนิยมและครอบงำคนผ่านวัฒนธรรม
ขณะที่ศาสตราจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ระบุว่า หนังสือทั้ง 2 เล่ม สามารถศึกษาเปรียบเทียบกับสังคมไทยได้ แม้ไม่ได้พูดเรื่องสังคมไทยโดยตรง แต่ทำให้เข้าใจการขึ้นสู่และครองอำนาจของเผด็จการมากขึ้น แม้แต่ในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะ การทำให้ต้องประเมินถึงกลุ่มคนในสังคมที่มีคนทั้งชอบและไม่ชอบเผด็จการ ซึ่งจำเป็นต่อการกำหนดท่าที เพราะการจะต่อสู้กับสิ่งใด จำเป็นต้องรู้เงื่อนไขการดำรงอยู่ของสิ่งนั้นก่อน
( ศ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ )
นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ กล่าวด้วยว่า เดิมที "เผด็จการ" ตามรากศัพท์เป็นคำความหมายกลางๆ เกิดขึ้นช่วงโรมัน จากสภาวะสังคมเผชิญวิกฤต สภาจึงยอมให้กษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาด แต่เผด็จการมักสร้างความฝันใหม่ให้สังคมที่อ่อนแอและหวาดกลัวเสมอ มีระดับความเข้มข้นและระยะเวลาดำรงอยู่ต่างกันตามเงื่อนไขของแต่ละสังคม และนอกจากความอ่อนแอของฝ่ายประชาธิปไตย การครอบงำทางวัฒนธรรมและเครื่องมือทางกฎหมายแล้ว ชนชั้นนำเองเป็นตัวชี้ขาดสำคัญ ที่จะทำให้เผด็จการซึ่งมีความอารยะน้อยกว่าประชาธิปไตยยังดำรงอยู่ได้