กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี พร้อมทั้งเครือข่าย เช่น สหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย และกลุ่มทำทาง รวมกลุ่มหน้า กพร. เพื่อเตรียมเปิดปราศรัยบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งเยียวยาประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มสตรี เด็ก และกลุ่มเปราะบางอื่นๆ โดยข้อเรียกร้องในวันนี้เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องที่จะยื่นอีกครั้งในวันสตรีสากล 8 มีนาคม 2564
ต่อมาทางกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี ได้เคลื่อนมาปักหลักปราศรัยบริเวณริมรั้วหน้าทำเนียบรัฐบาล และเริ่มต้นการปราศัยจาก 'ธนพร วิจันทร์' ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี แกนนำเครือข่ายแรงงานแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และสมาชิกสหภาพแรงงานที่ถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม โดยกล่าวว่า แรงงานหญิงได้รับความเดือดร้อนอย่างมากในสถานการณ์โควิด 19 โดยเฉพาะพยาบาลหญิงที่ถูกบังคับให้ทำงานล่วงเวลาแทนสมาชิกที่มีครอบครัว และไม่มีอุปกรณ์ป้องกันโรค (ชุด PPE) ที่เพียงพอ ต้องรวมเงินกันซื้อเอง
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาอื่น เช่น ต้องจัดให้มีเงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้า 0-6 ปี, แก้ไขปัญหาการสั่งปิดศูนย์เลี้ยงเด็กในช่วงโควิด 19, ยกเลิกกฎหมายเอาผิดผู้หญิงที่ทำแท้ง และให้การทำแท้งทำได้โดย ไม่มีกำหนดของอายุครรภ์
ขณะที่ สุธิลา ลืนคำ สมาชิกกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี และเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อเรียกร้องที่จะนำมายื่นต่อนายกฯ วันนี้ เป็นข้อเรียกร้องเร่งด่วนจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งคัดมาจากข้อเรียกร้องฉบับเต็มเนื่องในวันสตรีสากลปีที่ผ่านมา อีกทั้งได้ยื่นไปเมื่อปีที่ 2563 แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง และนำมาปรับปรุงใหม่เป็นข้อเรียกร้องในปีนี้ โดยจะมายื่นหนังสืออีกครั้งในวันที่ 8 มีนาคมนี้
ด้าน ตัวแทนสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาชุดป้องกันโรค (ชุด PPE) ให้กับพยาบาลทุกคนอย่างเพียงพอ มีห้องเปลี่ยนชุดที่สะอาด ปลอดภัย เป็นสัดส่วนสำหรับบุคลากรหญิง รวมทั้งให้จ่ายค่าเสี่ยงภัยให้พยาบาลในอัตราเท่ากับแพทย์ รับบรรจุพยาบาลวิชาชีพ และส่งเสริมให้บุคลากรทางการแพทย์หญิงมีบทบาทมากขึ้นในงานบริหาร เช่น เป็น ผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดยกำหนดสัดส่วนผู้หญิงในบอร์ดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ สมาชิกสมาพันธ์แรงงานนอกระบบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอยกำลังขาดรายได้หลังรัฐบาลมีประกาศสั่งปิดตลาดนัด, ผู้ประกันตน มาตรา 39 และ 40 ซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบไม่ได้ลดหย่อนเงินสมทบ และนโยบายคนละครึ่งก็ไม่ทั่วถึง ผู้สูงอายุที่ไม่มีสมาร์ทโฟนหรือมีปัญหากับการลงทะเบียนออนไลน์ ผู้ค้ารายย่อย ฯลฯ ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากโครงการนี้เลย คล้ายกับว่าเงินจากโครงการคนละครึ่งเอื้อประโยชน์และไปอุดหนุนผู้ค้ารายใหญ่ทั้งหมด
ทั้งนี้ในช่วงท้ายได้มีการอ่านแถลงการณ์พร้อมยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรี โดยมี ประทีบ กีรติเลขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนมารับหนังสือเครือข่ายแรงงาน
อ่านเพิ่มเติม