โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบไปด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ตัวแทนพรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ นพ.ระวี มาศฉมาดล ตัวแทนพรรคพลังธรรมใหม่ และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา
‘จตุพร' ปลุกพรรคการเมือง ทำ 'สัญญาประชาคม’ ผ่าทางตันวิกฤติการเมือง
นายจตุพร ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีความเลวร้ายกว่าทุกฉบับที่ผ่านมา ในฐานะที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใด ทุกพรรคการเมืองต้องปลดล็อกจิตใจทางการเมืองเสียก่อน เพื่อตกลงกันและยอมรับความเป็นจริง
ส่วนกรณีนายกฯ คนนอก แม้ว่าจะหลุดเข้าไปได้ ถ้าไม่มีความอดทนมากพอ เวลาเข้าไปในสภา ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปไม่มีดาบกายสิทธิ์ในการใช้อำนาจ ต้องไปเจอการตรวจสอบและการอภิปราย ต้องถามว่าท่านจะสามารถทนได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าเริ่มต้นด้วยสภาพเช่นนี้ คาดว่าหลังเลือกตั้งจะยิ่งมีความวุ่นวาย ซึ่งการสร้างบรรยากาศต้องเริ่มต้นจากพรรคการเมืองต้องร่วมมือกัน เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยพฤษภาคม ปี 2535
จึงฝากไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค ห้าปีที่ผ่านมาคนไทยกลัวคำว่าไม่สงบ ที่หลอกหลอนคนไทย ดังนั้นพรรคการเมืองต้องร่วมมือกันสร้างบรรยากาศเพื่อสร้างความเข้าใจ ถ้าหากไม่มีการพูดคุยกันอาจจะเดินกันไปไม่ถึงวันที่มีเลือกตั้งด้วยซ้ำไป ดังนั้นเราจะฝากอนาคตไว้ซีกใดซีกหนึ่งไม่ได้ พรรคการเมืองต้องคุยกัน ขอให้คิดถึงเรื่องส่วนรวมมากว่าเรื่องส่วนตัว เชื่อว่าจะทำให้เราสามารถก้าวผ่านวิกฤตการเมืองนี้ไปได้
ถ้าพรรคการเมืองคุยกันกับผู้มีอำนาจ ทำให้เป็นสัญญาประชาคม หาจุดร่วมกัน และให้ประชาชนตัดสินใจอนาคต
'เพื่อไทย’ พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่จับมือ 'ผู้นำ คสช.’
นายจาตุรนต์กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนการเลือกตั้งนั้น มีลักษณะพิเศษในการมีข้อจำกัดต่างๆ ที่ไม่ให้พรรคการเมืองไม่มีสิทธิ์มีเสียง และมีการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมืองและประชาชน มันได้ทำลายความหมายของการเลือกตั้ง ดังนั้น เวลานี้ สิ่งที่ คสช.กับพวกกำลังทำอยู่ คือการทำลายพรรคการเมืองไม่ให้เข้าไปสื่อสารกับประชาชน เท่ากับว่าเป็นการทำลายเจตนารมณ์ของประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ซึ่งมันขัดแย้งกับการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองจนนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ
โดยเข้าใจว่าคงเป็นความจงใจตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญที่ทำให้เกิดสภาวะที่นำไปสู่ข้อสรุปว่า ระบบการเมืองก็ทำได้เท่านี้ สุดท้ายหลังการเลือกตั้งก็มี สว.250 คน ลงชื่อเพื่อเลือกนายกฯ ซึ่งอาจทำให้บางพรรคการเมืองตัดสินใจเข้าร่วมทำให้มีเสียงเกินครึ่ง
พรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจผู้นำ คสช. ไม่สนับสนุนนายกฯ คนนอก ถ้าตั้งรัฐบาลได้พรรคเพื่อไทยก็ไม่สนับสนุน และพร้อมเป็นฝ่ายค้าน เป็นความชัดเจนที่ไม่ต้องรอผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่ไม่สนับสนุน คสช.เข้าร่วม เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย ในอนาคตเราจะมีการแก้ไข และยืนยันว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฏหมาย
‘ประชาธิปัตย์' เสนอทางออกประเทศ 4 ประการ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า อนาคตประเทศไทยไม่มีวันตาย ไม่มีวันตัน แต่ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ทางตัน คือ คสช. ที่มีปัจจัยเศรษฐกิจดังสภาพรวยกระจุกจนกระจาย ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ที่จะกดดัน คสช. สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ ดังนั้น รัฐบาลจึงหว่านเม็ดเงินลงไป แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะคนทำไม่เข้าใจประชาชน
ส่วนปัจจัยทางการเมือง จากผลสำรวจที่ประชาชนต้องการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการจัดเลือกตั้งตามคำมั่นสัญญา ประเด็นสำคัญที่สังคมควรจะได้ตระหนัก คือ สุดท้ายในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ คสช. ก็ดำรงตำแหน่งผู้เขียนกติกาที่มีอำนาจสูงสุด ขณะเดียวกันก็ดำรงตำแหน่งในฐานะผู้เล่น คสช.จะยังมีอำนาจในกระบวนการเลือก ส.ส.- สว. ไปจนถึงการจัดตั้งนายกรัฐมนตรีด้วยอำนาจที่ถูกรองรับโดยรัฐธรรมนูญ
พร้อมกันนี้ นายจุรินทร์ได้เสนอทางออกสี่ประการ ประการที่ 1 ทุกฝ่ายต้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ประการที่ 2 หลังการเลือกตั้งจะมีพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมาก ประการที่ 3 เมื่อมีรัฐบาล ฝ่ายบริหารต้องไม่ใช้เสียงข้างมากตามอำเภอใจ จนกลายสภาพเป็นเผด็จการรัฐสภา จนนำไปสู่วิกฤตเหมือนในอดีต ประการที่ 4 ทุกฝ่ายต้องยึดหลักนิติธรรม ซึ่งเชื่อว่าถ้าทำได้จะทำให้ประเทศไม่ย้อนกลับไปวิกฤตอีกครั้ง
'ชาติไทยพัฒนา’ ขอ ‘นักการเมือง' อย่าสร้างเงื่อนไขปฏิวัติ
นายสิริพงศ์ กล่าวว่าจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนายืนยันว่า เราไม่เอานายกฯ คนนอก หากจำกันได้ในสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา ท่านพูดเสมอว่าพร้อมเป็นโซ่ข้อกลาง เพื่อคลายความขัดแย้ง ไม่ใช่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนากั๊กท่าทีทางการเมือง เห็นด้วยกับนายจตุพรว่า สถานการณ์ตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งวิกฤตที่ผ่านมามันจะไม่มีปฏิวัติเลยถ้านักการเมืองไม่สร้างเงื่อนไขให้พวกเขาออกมา ซึ่งเราควรเอาประวัติศาสตร์การเมืองมาแก้ไข เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับนักการเมือง
พรรคชาติไทยพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน ถ้าหากว่าพรรคใหญ่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้าในปี 2562 มีการเลือกตั้ง ถ้าอยากออกจากปัญหาวิกฤตการเมือง ทุกพรรคต้องออกจากมุมตัวเอง ทั้งนี้ หากนักการเมืองสามารถพูดคุยกันโดยไม่ผ่านกลไกใดมาแทรกแซง ซึ่งอุดมคติของพรรคเราอยากเห็นแบบนี้ วันนี้เราต้องเตรียมรับมือสถานการณ์ที่มันกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี
อย่าไปเร่งปฏิกิริยา อย่าไปสร้างเงื่อนไขให้มันมีปฏิวัติอีก ขอให้อดทนและเดินหน้าไปด้วยกัน นี่คือทางออกของประเทศ
'พลังธรรมใหม่’ พร้อมประสานสลายความขัดแย้งทางการเมือง
นพ.ระวี ได้แสดงจุดยืนของพรรคพลังธรรมใหม่ว่า พรรคพลังธรรมใหม่ยืนยันชัดเจนว่า เราไม่ได้เข้าร่วมเผด็จการทหารแน่นอน พลังธรรมใหม่ไม่เอาประชาธิปไตยแบบตะวันตก แต่สิ่งที่เห็นด้วยคือระบบธรรมาธิปไตย ที่ประชาชนมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม เวลาเราจะปฏิเสธเผด็จการ เราต้องดูจุดยืนของเผด็จการด้วยว่าเพื่อชาติหรือเพื่อประชาชนหรือไม่
ส่วนรัฐธรรมนูญในปัจจุบันถูกร่างโดยเผด็จการทหาร ซึ่งถูกโหวตเห็นชอบโดยประชาชน ซึ่งพรรคพลังธรรมใหม่ ถ้าได้เข้าไปในสภาเราจะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นจุดอ่อน แต่ไม่แก้หมดทั้งฉบับ พรรคพลังธรรมใหม่ ยินดีที่จะผนึกกับทุกพรรค และพยายามที่จะประสานงานเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เสื้อเหลืองเสื้อแดงอีกครั้ง และภายหลังการเลือกตั้งพรรคพลังธรรมใหม่จะเลือกเข้าอยู่
"เราจะเลือกคนดีที่สุด โดยพรรคพลังธรรมใหม่จะเปิดให้สมาชิกพรรคการเมือง เลือกที่จะสนับสนุน ซึ่งในเวลานี้ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าสมาชิกจะโหวตเลือกใคร โดยเป็นไปได้ทั้งพลเอกประยุทธ์หรือพรรคเพื่อไทย"
ทั้งนี้ ภายในงานญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้มอบหนังสือต่อตัวแทนพรรคการเมือง โดยเรียกร้องให้แต่พรรคการเมืองไม่เข้าเป็นแนวร่วมพรรค คสช. ในการสืบทอดอำนาจ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์พฤษภาปี 2535