วันที่ 22 ธ.ค. สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดราม่า ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ครบ 120 วัน ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์จำนวนมาก ว่า มันเป็นพัฒนาการที่ต้องเป็นแบบนั้น เมื่อกฎหมายว่ามาแบบนั้นก็ต้องเดินไปแบบนั้น โดยกฏหมายแต่ละฉบับของแต่ละกระทรวงที่ออกมา หากไม่เดินต่อ ทั้งๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ มันก็ไม่ได้ใช้ เมื่อไม่ได้ใช้ก็เสียโอกาส นั่งรอเซ็นหนังสือไปวันๆ ซึ่งแบบนี้ไม่ใช่การพัฒนาประเทศ โดยการพัฒนาประเทศต้องคิดเอาประผดยชน์จากกฎหมาย ที่เขียนมาเพื่อประเทศชาติ แบบนี้ถึงเรียกว่าการเมืองที่ดี 

เมื่อถามว่าหากจะเป็นการพัฒนาประเทศด้วยกฎหมาย แต่ทำไมต้องมาในจังหวะนี้ สมศักดิ์ ตอบว่า เป็นจังหวะที่ลงพอดี โดยปกติสังคมข้าราชการไทย ก็จะอยู่กันไปแบบสบายๆ ไม่อยากที่จะคิดทำอะไรที่เป็นเรื่องใหม่ๆ เพราะเรื่องใหม่ๆ ก็ทำให้หวาดเสียวกับองค์กรการตรวจสอบ ซึ่งองค์กรการตรวจสอบบางคนก็ไม่ได้อยู่ในมาตรการ แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะอยู่ในมาตรฐาน ซึ่งบางทีก็ทำให้คนที่ถูกตรวจสอบสติเสีย บางคนสติฟั่นเฟือน เพราะว่าไม่ชัดเจนในตัววิชาการหรือว่ากฎหมาย บางครั้งมีเด็กฝากเยอะ เด็กฝากก็ไม่ค่อยเก่ง มีลูกเส้นลูกฝาก พอไปทำงานก็ไม่ค่อยคล่อง ไม่ค่อยเดินไม่ค่อยพัฒานา 

สมศักดิ์ กล่าวว่า ที่สังคมดราม่ากรณี ทักษิณ จำคุกนอกเรือนจำ อาจจะทำให้นักโทษคนอื่นเสียโอกาส เพราะคิดว่าหากปัญหามากไม่ทำดีกว่า ซึ่งไม่ได้บังคับให้ทำแต่เป็นพัฒนาการของกฎหมาย ซึ่งเป็นระเบียบดังกล่าว เป็นกฎหมายที่ออกมาตั้งแต่ปี 60 ตามกฎหมายมาตรา 43 เมื่อครบ 5 ปี ต้องนำมาสังคยานา ว่ามีอะไรสมดุลไม่สมดุล และต้องปรับแก้ หากไม่อยากจะพัฒนาบ้านเมืองก็นอนอยู่เฉยๆ หากคิดแบบนี้หมดก็จะเป็นประเทศที่รอใช้แต่งบประมาณ ซึ่งงบก็มีอยู่น้อยนิดจะไปทำอะไรได้ เราควรแก้กฎระเบียบข้อบังคับให้เป็นสากล 

เมื่อถามว่าสิ่งที่ประชาชนกังขาจะชี้ได้หรือไม่ สมศักดิ์ ตอบว่า ชี้แจงได้ ชี้แจงไปแล้ว 

ส่วนทักษิณ จะต้องคุมขังนอกเรือนจำไปจนพ้นโทษเลยหรือไม่นั้น สมศักดิ์ ตอบว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องของการอยู่นอกอยู่ในเป็นเรื่องของการตรวจสอบของแพทย์ และเอกสิทธิ์ส่วนตัวของผู้ต้องขัง การไปเยี่ยมผู้ต้องขัง หากไม่ยินยอม ก็ไปเยี่ยมไม่ได้ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ หากไม่เปิดเผยก็ต้องไม่เปิดเผย 

ส่วนที่กรรมาธิการ จะขอไปตรวจชั้น 14 ในวันที่ 12 มกราคม นั้น สมศักดิ์ กล่าวว่า หากเขาไม่อนุญาตก็ไม่ได้ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ป่วย และหากถามว่าเป็นโรคอะไร เจ็บป่วยอะไร และเขาไม่อยากเปิดเผย หากเปิดเผยจะถูกฟ้อง