ไม่พบผลการค้นหา
"ชวลิต วิชยสุทธิ์" เชื่อ "ชวน" ยึดมั่นหลักการ รับญัตติตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว. จากฝ่ายค้าน หลังใช้งบ 1,300 ล้านบาท ชอบธรรมหรือไม่

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อกรณีพาดหัวข่าว น.ส.พ.ว่า ญัตติตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว.ส่อแท้ง ดังนี้ ตามข้อบังคับการประชุมสภา ฯ ข้อ 43 กำหนดว่า ให้เป็นอำนาจของประธานสภา ฯ ที่จะวินิจฉัยว่า ญัตติใดเป็นญัตติด่วน หรือไม่ และเมื่อวินิจฉัยแล้วให้แจ้งผู้เสนอญัตติ ทราบพร้อมด้วยเหตุผล ภายใน 5 วัน นับแต่วันได้รับญัตตินั้น        

ล่าสุดเกิน 5 วัน นับจากวันทึ่ได้ยื่นญัตติแล้ว ผู้เสนอญัตติยังไม่ได้รับการแจ้งจากประธานสภา ฯ ว่าไม่รับญัตติพร้อมเหตุผลประกอบ จึงอนุมานได้ว่า เมื่อเกิน 5 วันตามข้อบังคับสภา ข้อ 43 ดังกล่าวแล้ว ท่านประธานสภา ฯ ได้รับญัตตินี้แล้ว อนึ่ง ยังมีข้อบังคับข้อที่ 45 กำหนดว่า ภายใต้ข้อบังคับข้อ 43 และข้อ 44 ให้ประธานสภาบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุมภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับญัตตินั้นตามลำดับที่ยื่นก่อนหลัง ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ครบ 7 วัน จะได้ตรวจสอบจากสภา ฯ ว่า ประธานสภา ฯ ได้สั่งบรรจุญัตติเรียบร้อยแล้วหรือยัง

นายชวลิต เชื่อว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภา ฯ เป็นคนรักษาคำพูด รักษาหลักการ ท่านเคยให้สัมถาษณ์ว่า สภา ฯ สั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ และท่านได้ตั้งความหวังว่า จะยกระดับความน่าเชื่อถือของสภา ฯ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะไม่รับญัตติที่อยู่ในอำนาจ หน้าที่ของสภา ฯ ในอันที่จะตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว.ซึ่งใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนถึง 1,300 ล้านบาท ว่า ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นไปตามกฎหมาย หรือไม่

"ก่อนนี้เรามักจะกล่าวกันว่า กระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ยุคนี้สมัยนี้จะเหลือองค์กรใดที่เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน ซึ่งประชาชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด ดังนั้น ต่อกรณีความไม่ชอบธรรมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในยุคนี้ อย่าไปต่อว่าเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่ทำพานไหว้ครูสะท้อนสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน เพราะเด็กนักเรียน นักศึกษาเหล่านั้น ล้วนต้องการรับมรดกบุญ ไม่ต้องการรับมรดกบาป จากคนรุ่นเรา เขาเหล่านั้นติดตามการทำหน้าที่ของรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นปู่ อย่างใกล้ชิด อย่าให้เด็กสาปแช่งเราเลย ไม่อายฟ้าดิน ก็อายเด็ก รุ่นลูก รุ่นหลานของเรา" นายชวลิต กล่าว

ด้านน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ระบุว่า วาระการประชุมสภาในสัปดาห์นี้ มีการบรรจุญัตติด่วนเรื่องปัญหาพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำโดยพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอ การเสนอญัตติดังกล่าวมีความจำเป็นเร่งด่วนเพราะผลผลิตด้านการเกษตรเกือบทุกตัวราคากำลังดิ่งแต่ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะโครงสร้างการทำงานของประเทศตามรัฐธรรมนูญปี 60 แทบจะกลายเป็นอัมพาต ตั้งแต่ คสช.อนุญาตให้มีการเลือกตั้งมาจนถึงปัจจุบันหาเสียงกันในเดือนมกราคม และลงคะแนนกันไปตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม แต่ถึงบัดนี้เราก็ยังไม่มีรัฐบาลเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ

ขณะที่ 6 เดือนเต็มที่เกษตรกรได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครซ้ำร้ายรัฐมนตรีหลายคนยังลาออกไปลงเลือกตั้ง และหลายคนทิ้งกระทรวงเพื่อไปรับตำแหน่ง ส.ว.การเสนอญัตติด่วนในครั้งนี้ แม้จะยังไม่มีรัฐบาลใหม่และรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ แต่ความทุกข์ยากของพี่น้องเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ดังนั้น การอภิปรายเพื่อนำความจริงอันขมขื่นของพี่น้องเกษตรกรมาแก้ไข ถือเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 6 พรรคเห็นตรงกันเราจะเกาะติด และตามจี้ให้ผู้รับผิดชอบทุกคนออกมาจัดการกับปัญหาต่างๆให้ได้