วันที่ 4 มี.ค. 2564 สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท) ทั่วประเทศกว่า 100 คน เข้าพบผู้บริหารพรรคเพื่อไทย อาทิ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านฯ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย สงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย และ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ง ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เพื่อขอบคุณและนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม โดยจะใช้ยื่นดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีสมาชิกของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายในหลายประเด็น
วีรบูล เสมาทอง ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณพรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจถึงประเด็นครู เพื่อเรียกร้องให้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
วีรบูล กล่าวถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ว่า 7 ปีที่ผ่านมาหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 ประเทศไทยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาแล้ว 4 คน มีทั้ง ทหารเรือ ,ทหารบก ,นายแพทย์ และนักธุรกิจ แต่ระบบการศึกษาของชาติก็ยังไม่ไปไม่ถึงไหน และยังไม่ได้คนที่มีความรู้ความสามารถด้านการศึกษาอย่างจริงจังเข้ามาบริหารงานเลย ดังนั้นทางสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.)กลาโหม ต้องมีความกล้าหาญ ต้องกล้าตัดสินใจที่จะเลือกคนที่ดี ที่เหมาะสมเข้าคุมกระทรวงศึกษาธิการ นั้นคือบุคคลที่เป็นนักการศึกษา หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับด้านการศึกษามาบ้าง ซึ่งก็เข้าใจว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นเรื่องของการเมือง แต่ก็อยากให้นายกฯ เลือกคนให้เหมาะกับงานด้วย
สมาคมฯ ได้ยื่นข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี 5 ข้อถึงคุณสมบัติของ รมว.กระทรวงศึกษาคนใหม่ คือ 1.ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส ตรวจสอบได้
2.ต้องมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ทางด้านการศึกษา
3.ต้องเป็นผู้มีความมุ่งมั่นที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
4.ต้องให้ความสําคัญของวิชาชีพครู
5.ต้องใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานเด็กไทย ตามหลัก สิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ ตัวแทนจาก สมาคมสมาพันธ์ครูฯยังแสดงความกังวลในอีกหลายประเด็น ทั้ง กรณีที่สภาวิชาชีพครูไม่มีสัดส่วนของบุคลากรครูเข้าไปร่วมทำหน้าที่ รวมถึงการโยกย้ายบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่เป็นธรรมเพื่อประโยชน์ให้พวกพ้องของตนเอง
ด้าน สมพงษ์ ระบุว่าให้ความเคารพกับอาชีพครูมาโดยตลอด เพราะถ้าไม่มีครู ตนก็ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ เราได้รับการฝึกปรือจากครู ทุกคนเป็นบุคคลากรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศ ทำหน้าที่สร้างลูกหลานให้มาสร้างชาติในอนาคต
ส่วนการทำงานในสภาฯ ของพวกเรา ที่ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยรวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค มีความตั้งใจอย่างมาก ที่จะชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดในการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการในเวลาที่ผ่านมา ชี้จุดอ่อนให้รัฐบาลได้เห็น พรรคฝ่ายค้านทำงานด้วยความสามัคคี แบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน แต่คงมีอีกหลายเรื่องที่อาจยังไม่ได้อภิปรายในสภา เนื่องจากมีเวลาจำกัด แต่หลังจากนี้ ตั้งแต่วันพุธที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป พรรคเพื่อไทย จะไปยื่นเรื่องดำเนินการเอาผิดกับรัฐมนตรี ในประเด็นต่างๆตามที่ได้นำเสนอผ่านสื่อมวลชน ทั้งนี้ตนอยากขอให้ทุกคนเชื่อมั่น และไว้วางใจการทำงานของพวกเรา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง