พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ขอชื่นชมการทำงานของพรรคฝ่ายค้านในสภาที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ อีก 9 รัฐมนตรี ได้อย่างดีเยี่ยม สร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์อย่างมาก โดยล่าสุดผลการสำรวจความเชื่อมั่นของรัฐบาลหลังการอภิปรายปรากฏว่า ประชาชนไม่เชื่อมั่นเลยมีถึง 43.25% ประชาชนเชื่อมั่นน้อยลงมี 23.28% แสดงว่า ประชาชนเชื่อมั่นน้อยลงถึงไม่เชื่อมั่นเลยมีถึง 66.53% หรือ ประมาณ 2 ใน 3 ของประชาชนทั้งหมด ซึ่งสูงมาก แสดงถึงว่าประชาชนหมดความหวังกับรัฐบาลชุดนี้แล้ว นอกจากนี้ ประชาชนยังให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่ารัฐบาล 6.90 ต่อ 5.01 จากคะแนนเต็ม 10
ทั้งนี้ ประชาชนจำนวนมากรวมถึงสื่อมวลชนต่างเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศมาตลอด 6 ปี และไม่สามารถตอบการอภิปรายเรื่องเศรษฐกิจให้ประชาชนเข้าใจได้เลย อธิบายเป็นเหมือนการอ่านแบบไม่เข้าใจ ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศมีแต่จะดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ การที่ให้ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาชี้แจงทางเศรษฐกิจ 8 ข้อ หลังการอภิปราย ยิ่งทำให้ดูแย่ไปกันใหญ่ นอกจากจะเป็นแก้ตัวน้ำขุ่นๆแบบมั่วๆแล้ว ยังสร้างความตลกขบขันให้กับประชาชนที่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ยิ่งทำลายความน่าเชื่อถือให้กับรัฐบาลมากยิ่งขึ้น
"ปัจจุบันนี้ไม่มีประชาชนคนไหนไม่รู้ว่าเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ทรุดโทรมอย่างหนัก ไม่รู้จะออกมาแก้ตัวมั่วๆแบบนั้นทำไม ยิ่งทำให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลยังไม่รู้ปัญหาเลยและยังไม่สำนึกถึงความยากลำบากของประชาชนเข้าไปใหญ่ ความจริงคือเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ตั้งแต่สมัย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ บริหารแล้ว การปลดสมคิดเท่ากับเป็นการยอมรับความล้มเหลวตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว" พิชัย ระบุ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์และ 9 รัฐมนตรี แม้จะได้รับเสียงโหวตผ่านการอภิปรายเพราะพวกมากลากไป แต่ยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยคาใจประชาชนจำนวนมากในประเด็นการเอื้อประโยชน์และการทุจริตคอรัปชั่นในส่วนที่พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายไว้ 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้
1. เรื่องเหมืองทองอัครา รัฐบาลได้มีการให้สัมปทานสำรวจแร่ 4 แสนไร่แก่บริษัทจริงหรือไม่ ทำไมถึงให้ ทั้งๆที่ยังมีคดีฟ้องร้องกับพล.อ.ประยุทธ์ค้างอยู่ เป็นการให้สัมปทานเพื่อไกล่เกลี่ยคดีกันใช่หรือไม่ หากใช่จะเป็นการนำสมบัติชาติไปแจกเพื่อแก้ปัญหาความผิดพลาดของตนเองที่ใช้ ม.44 ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน
2.เรื่องทุจริตถุงมือยาง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะมาอ้างไม่รู้ไม่เห็นกับความเสียหาย 2,000 ล้านบาท ที่มีการทุจริตในการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางมูลค่ากว่าแสนล้านบาทไม่ได้ เพราะประธานองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นคนที่จุรินทร์เสนอแต่งตั้งผ่าน ครม. เอง จะมาบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ และหากเป็น รมว.พาณิชย์ แล้วไม่รู้เลยว่าหน่วยงานในสังกัดมีสัญญาซื้อขายสินค้ากว่า แสนล้านบาท ก็ไม่ควรจะเป็น รมว.พาณิชย์ต่อไปแล้ว และนายจุรินทร์จะต้องร่วมรับผิดชอบกับความเสียหายครั้งนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ เรื่องนี้สร้างความเคลือบแคลงใจ ถึงขนาด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวกันเอง ยังไม่ยอมยกมือให้ถึง 3 คน
3. เรื่องปัญหารถไฟฟ้าสายต่างๆ และระบบคมนาคม ทั้งการต่อสัญญาสัมปทานข้ามศตวรรษ และ การยกเลิกการประมูล ที่ยังไม่สามารถตอบข้อซักถามให้ชัดเจนได้ ขนาด ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐยังไม่ยกมือให้ รมว.คมนาคมถึง 6 คน
4. เรื่องการลักลอบขนแรงงานเถื่อน โดยมีข้อสงสัยว่า มีการให้ผลประโยชน์ถึงคนในรัฐบาล รัฐบาลก็ยังไม่สามารถตอบการอภิปรายได้
5. เรื่องการนำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานไปให้ กอ.รมน. และ ศอ.บต. กว่า 1,232 ล้านบาท ที่อยู่ภายให้ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง มีปัญหาอุปกรณ์แพง ใช้การไม่ได้ แถมบางแห่งล่องหน อีกทั้งยังมีปัญหาการตรวจรับงาน เหมือนเป็นการนำเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงานไปแจกให้ละเลงกัน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบ ซึ่งถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
พิชัย ระบุว่า นี่เป็นเพียงบางเรื่องที่มีปัญหาอย่างชัดเจนและเป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่มีการชี้แจงให้กระจ่าง และยังมีอีกหลายเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์และ 9 รัฐมนตรี ยังไม่ได้ชี้แจงหรือชี้แจงไม่ชัดเจน จึงทำให้รัฐบาลสอบตกการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ในสายตาของประชาชนส่วนใหญ่ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องรู้ตัวแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือน่าจะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นะประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แล้วรีบจัดการเลือกตั้ง ก่อนที่ประชาชนจะแห่กันออกมาไล่เหมือนที่เกิดในเมียนมา ซึ่งถ้าถึงตอนนั้นก็จะสายไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :