อิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะ แถลงข่าวกรณีมีการเสนอข่าวอัยการสั่งไม่ฟ้อง สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียลแอลเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นน้องชาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หลังถูกกล่าวหาจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่ปลอมแปลงเอกสาร เพื่อเช่าที่ดินสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เมื่อปี 2560
โฆษกอัยการสูงสุด ชี้แจงข้อเท็จจริงคดีนี้ว่า สำนวนของพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม มีผู้ต้องหา 1. ประสิทธิ์ อภัยพลชาญ 2.สุรกิจ ตั้งวิทูวนิจ ฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร เรียกรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ โดยเกิดขึ้นระหว่าง เดือน มี.ค.-พ.ย. เมื่อปี 2560 ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 76/2562 ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นนายหน้าค้าที่ดินอิสระ อ้างว่าได้ไปพบ สกุลธร พร้อมเอกสารที่ดิน 2 แปลงซึ่งอยู่ในสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ วงเงิน 500 ล้านบาท
ต่อมาผู้ต้องหาให้การว่า สกุลธร ได้ติดต่อว่าจ้างให้ทำสัญญาเช่า ก่อนที่ผู้ต้องหาทั้งสองเข้ายื่นขอสัญญาเช่าและดำเนินการตามกระบวนการ โดย สกุลธน จ่ายทั้งหมด 3 งวด รวม 20 ล้านบาท
ต่อมาสำนักทรัพย์สินฯ ทราบข้อเทจจริงจึงมอบอำนาจ อิศรา จานุวณิชกุล ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสอง โดยในขั้นตอนพนักงานสอบสวนไม่ได้กล่าวหา 'สกุลธร' ทว่าในรายงานได้สรุปว่าประสงค์รวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีสกุลธร ตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองศาลคดีทุจริตและคดีประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2562 จำคุกคนละ 6 ปี เหลือคนละ 3 ปี เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยไม่มีการยื่นอุทธรณ์ จึงถือว่าสิ้นสุด
"ดังนั้นตามที่มีรายงานว่าอัยการไม่ได้ฟ้องนายสกุลธร จึงถือว่าไม่มีข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎ เรื่องแรกตัวนายสกุลธรไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ในสำนวนคดีนี้เพื่อพิสูจน์ความผิดของนายประสิทธิ์และนายสุรกิจเท่านั้น ไม่ได้มีการตั้งนายสกุลธรเป็นผู้ต้องหา ดังนั้นพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจสั่งฟ้อง..
"ประการที่สองข้อเท็จจริงของการจ่ายเงินที่นำเรียนไป มันเป็นข้อเท็จจริงจากตัวผู้ต้องหาที่ 2 ยังไม่มีการสอบพยานอื่นเพื่อที่จะยืนยันว่า มันเป็นความจริงมากน้อยเพียงใด และยังไม่มีการสอบข้อเท็จจริงจากนายสกุลธรว่า เขาได้จ่ายเงินจริงเท็จอย่างไร" โฆษก ระบุ
เมื่อถามว่าอัยการมีอำนาจขอสอบสวนอีกครั้งได้หรือไม่ ทีมโฆษกระบุว่า เป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ซึ่งอัยการไม่มีอำนาจพิจารณาในส่วนนี้