สำนักข่าว BBC รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษภายใต้การนำของ บอริส จอห์นสัน ยืนยันว่า หลังจากวันที่ 7 ม.ค.เป็นต้นไป นักเดินทางที่เข้ามายังอังกฤษไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ล่วงหน้าภายใน 2 วันอีกต่อไปหากได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้วและมีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ยังต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทันทีเมื่อเดินทางมาถึงยังสนามบิน โดยภายใต้กฎใหม่นี้นักเดินทางไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกักตัว 10 วันเพื่อรอผลอีกต่อไป

หลังจากวันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นไป ผู้รับวัคซีนครบโดสที่เดินทางเข้ามายังอังกฤษไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ในวันที่ 2 หลังเดินทางเข้าประเทศ โดยสามารถเลือกใช้วิธีการตรวจแบบรวดเร็ว หรือ Lateral Flow แทนได้ โดยต้องเป็นการซื้อชุดตรวจจากบริษัทเอกชน ไม่สามารถใช้ชุดตรวจจากสำนักงานสุขภาพแห่งชาติ หรือ NHS ได้

อย่างไรก็ตาม นักเดินทางที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส จำเป็นต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ล่วงหน้าไม่เกิน 2 วันก่อนการเดินทาง และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้งในวันที่ 2 และ 8 หลังเข้าประเทศ และต้องกักตัวระหว่างรอผลทั้งหมด 10 วันตามกฎเดิม

นายกฯ อังกฤษชี้ว่ากฎที่บังคับให้นักเดินทางต้องแสดงผลตรวจล่วงหน้าทำให้หลายคนล้มเลิกความคิดที่จะเดินทางเข้ามายังอังกฤษ เพราะไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก ทั้งการตรวจหาเชื้อและการกักตัว 10 วัน ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวของประเทศอย่างหนัก ขณะที่ทางสายการบินต่างๆ ก็ชี้ว่ากฎการแสดงผลตรวจหาเชื้อล่วงหน้า "ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมากนัก เมื่อโอไมครอนแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว"

ขณะที่ข้อมูลล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ชี้ว่า 1 ใน 25 คนของประชากรในอังกฤษก็ได้รับเชื้อไวรัสกันหมดแล้ว โดยภายใต้กฎใหม่นี้มีผลบังคับใช้กับนักเดินทางที่ต้องการเดินทางเข้ามาในอังกฤษ และพื้นที่ Common Travel Area ซึ่งประกอบไปด้วย เวลล์ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และ สาธารณรัฐไอร์แลนด์