นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส. เชียงใหม่ กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครปฐม เขต 5 หลังประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขตเลือกตั้งที่5 แทนตาแหน่งที่ว่าง ปี 2562 ในราชกิจจานุเบกษา ว่า คราวที่แล้วพรรคไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงเขตนี้ เพราะพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ส่งแล้ว แต่ตอนนี้ถือเป็นพื้นที่ของพรรคอนาคตใหม่ที่นางจุมพิตา จันทรขจร ชนะการเลือกตั้งเมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด การที่พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงในเขตนี้ด้วยก็ทำได้ แต่พอมองมาที่ฝั่งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐก็ยอมถอย ไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยได้คะแนนลำดับสองรองจากนางจุมพิตาลงสมัครแทน ทั้งที่ปกติพรรค พปชร. จะส่งทุกเขตที่ว่าง
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยก็น่าจะถอยให้กับพรรคอนาคตใหม่ โดยอาจไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. เพื่อให้ศึกเลือกตั้งนครปฐมเขต 5 ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายสืบทอดอำนาจสมศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตามต้องรอคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาและลงมติก่อนว่าจะส่งหรือไม่ ส่วนตัวไม่มองว่าเป็นการฮั๊วะกัน เพราะถ้าอย่างนั้นฝ่ายรัฐบาลก็ฮั๊วะด้วย
ส่วนกรณีนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส. ขอนแก่น ที่ถูกฝากขังหลังศาลชั้นต้นจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษาประหารชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่า ปลัด อบจ. ขอนแก่น นายสมพงษ์ ชี้แจงว่าต้องรอฟังจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าจะถือว่าสิ้นสภาพ ส.ส. หรือไม่ ตอนนี้ทางพรรคก็เตรียมตัวอยู่ แต่ความผิดยังไม่แน่ใจเพราะยังพิจารณาไม่ครบ 3 ศาล
ส่วนจังหวัดกำแพงเพชร เคยเป็นเขตของพรรคเพื่อไทยมาก่อน หากศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส. กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ว่าอย่างไร พรรคก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ต่อไป
เช่นเดียวกับจังหวัดสมุทรปราการ หลังจากนายกรุง ศรีวิไล ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ได้รับใบเหลืองจาก กกต. พรรคเพื่อไทยก็ต้องส่งผู้สมัคร ส.ส. ลงแข่งขันในเขตนี้เช่นกัน เพราะนายกรุงก็เคยเป็นคนเก่าของพรรค และเขตนี้ก็เป็นพื้นที่เก่าของพรรคเช่นกัน ครั้งนี้ไม่ว่าจะไหวหรือไม่ไหวก็ต้องสู้ พรรคจะเอาความเป็นประชาธิปไตยทำให้ประชาชนเข้าใจ
เมื่อถามถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ตนเพิ่งได้รับและดูคร่าวๆ ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ อย่างไรก็ตามตนดูเผินๆ เห็นว่างบประมาณดังกล่าวมุ่งเน้นไปในด้านความมั่นคงเยอะเหลือเกิน แต่ไม่เอาเม็ดเงินเหล่านี้ลงในพื้นที่ให้ประชาชนได้ฟื้นตัว ทั้งนี้รัฐบาลเอางบประมาณไปใส่กับการทหารและความมั่นคงมากไปจะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจยุ่งยาก ซึ่งพรรคฝ่ายค้านจะชี้แนะให้ดู
และต้องดูว่าเป็นไปตามนโยบายที่ชี้แจงต่อรัฐสภาหรือไม่ ทั้งนี้นายสมพงษ์ เตรียมจะเอางบประมาณที่เคยผ่านการพิจารณาในยุค สนช. มาเปรียบเทียบ ส่วนการอภิปรายงบประมาณจะเน้นหนักไปในเรื่องเศรษฐกิจ ให้รัฐบาลได้รับทราบรับรู้ว่าปัญหาขณะนี้คืออะไร จะฟังหรือไม่ฟังก็ไม่รู้ แต่จะทำให้เข้าใจ ทั้งนี้นายสมพงษ์ ยังกล่าวว่ารู้สึกเสียดายที่ประธานสภาให้เวลาอภิปรายเพียงแค่ 2 วัน แต่ก็จะบริหารเวลาเอาคนเก่าและคนใหม่มาสลับกัน ส่วนตนจะอภิปรายเปิดเพื่อปูทางประมาณ 15 นาที พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่าดูจากงบประมาณแล้วไม่รู้ว่าเรากำลังจะฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือจะไปรบกับใคร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง