ไม่พบผลการค้นหา
'ประวิตร' ไม่เห็นด้วย 'ก้าวไกล' เสนอแก้รัฐธรรมนูญหมวด 1-2 ชี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขณะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เผยพรรคมีมติเห็นชอบยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่แตะหมวด 1-2 พร้อมหนุนตั้ง สสร.ยืนยันเร่งแก้ไม่มีประวิงเวลา แต่ต้องรอบคอบบนหลักความเท่ากันของคนไทยทุกกลุ่ม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้หมวด 1 และหมวด 2 จะทำให้เกิดปัญหาในภาพรวมหรือไม่เนื่องจากเป็นหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ว่า เรื่องนี้ต้องหารือกันก่อน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐกำลังประชุมอยู่ว่าจะแก้ไขอะไรบ้าง

สำหรับส่วนตัวไม่เห็นด้วยหากจะแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ก็ต้องดูรายละเอียดก่อน ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้ามั่นในเสียง ส.ส.ที่มีอยู่ ไม่จำเป็นต้องมี ส.ว.เพื่อร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนี้ก็พูดคุยกันอยู่  

ขณะที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า เป็นสิทธิ ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน 

เมื่อถามว่า เข้าใจกลุ่มเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ขอเพียงอย่าทำผิดกฎหมาย 

ขณะที่การเคลื่อนไหว สามารถทำได้เฉพาะในโรงเรียนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวกับสื่อมวลชนว่า อย่าถามนำ เดี๋ยวจะเป็นประเด็น

พปชร.เห็นชอบแก้ รธน.ไม่แตะหมวด 1-2 หนุนตั้ง สสร.

ด้าน พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าในนามของพรรคพลังประชารัฐ เราได้มีมติเห็นชอบยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยได้เสนอจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยแนวทางจะแก้ไขบางหมวด พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ส่วนหมวดอื่นๆ ต้องพิจารณากันอีกครั้ง 

พัชรินทร์ กล่าวถึงการพิจารณาโครงสร้างของ สสร. ว่า ทางพรรคร่วมรัฐบาลได้ตั้งคณะทำงาน โดยในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งตัวแทน 3 คน คือ วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เป็นประธานคณะทำงาน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะทำงาน

ทั้งนี้ พัชรินทร์ ยังกล่าวยืนยันว่าข้อเรียกร้องถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ซึ่งพร้อมที่จะเร่งดำเนินการผ่านกลไกสภานิติบัญญัติ และไม่มีการประวิงเวลา แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน บนพื้นฐานของความเสมอภาค และความเท่ากันของคนไทยทุกกลุ่ม