สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงโครงการ ‘เราชนะ’ หลังมีความเป็นห่วงคนตกหล่นเนื่องจากไม่มีสมาร์ทโฟน และอยากให้มีการปรับเงื่อนไขจ่ายเงินเยียวยาเป็นเงินสดแทนการให้สิทธิ ว่า แม้ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้ ‘เราชนะ’ ได้ ซึ่งทีมงานคิดละเอียดทุกเรื่องเพื่อไม่ให้คนที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือไม่ตกหล่น
ทั้งนี้ผลสำรวจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 56.7 ล้านคน คิดเป็น 89.6%ของประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูงคือ 96.4% สำหรับประเด็นนี้กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.8 ล้านคน ซึ่งไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะ แต่จะได้รับเงินโอนเข้าบัตรโดยตรง
โดยในกลุ่มที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและไม่มีสมาร์ทโฟน จะประสานงานกับธนาคารของรัฐที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้ลงทะเบียนได้
ส่วนประเด็นที่ไม่จ่ายเงินเยียวยาในรูปแบบเงินสด ‘สุพัฒนพงษ์’ ชี้แจงว่า เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ติดเชื้อโควิด-19 ได้ เละลดความแออัดของประชาชนจำนวนมากที่จะไปต่อคิวกดเงินสดออกจากตู้ ATM รวมถึงความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และให้เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชนเพราะร้านค้าที่รับซื้อหรือรับบริการจะเป็นร้านเล็กๆ
นอกจากนี้ยังได้ระบุว่าจะเปิดกว้างให้ ‘เราชนะ’ เป็นบริการทั่วไปได้ เช่น ค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค่าแท็กซี่ รวมไปถึงค่าเช่าบ้าน และอื่นๆ
“คนที่จะจ่ายค่าเช่าบ้านก็สามารถให้ผู้รับเงินเปิดแอปถุงเงิน เพื่อให้เราใช้เงินในแอปเป๋าตังจ่ายได้ หรือแม้แต่นำเงินสดที่ประหยัดได้จากการใช้วงเงินเราชนะ ที่นำไปใช้จ่ายในส่วนนั้นได้” สุพัฒนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ย้ำว่าโครงการ ‘เราชนะ’ จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน www.เราชนะ.com ในวันที่ 29 ม.ค. 2564